Select Page

อาชีพ freelance กับการเลือกประกันสุขภาพที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้จาก Cigna

ปี 2020 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ได้ผันมาทำอาชีพอิสระหรือ freelance อย่างเต็มตัว  หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีงานประจำและหารายได้เสริมจากการเป็น freelance blogger

ระหว่างที่ทำงานประจำนั้นไม่ค่อยได้ใส่ใจกับประกันสุขภาพส่วนตัวมากนัก เพราะทางบริษัทมีประกันกลุ่มให้ซึ่งครอบคลุมการรักษาแบบ OPD ส่วนถ้าต้องนอนโรงพยาบาลก็มีประกันชีวิตแบบที่รองรับการรักษาแบบ IPD มาช่วยเสริม … เมื่อตัดสินใจลาออกจากงานสวัสดิการด้าน OPD ที่เคยมีก็หมดไป ทำให้ต้องมองหาประกันสุขภาพมาเผื่อไว้เพราะลำพังสิทธิ์ประกันสังคมนั้นไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่สะดวกสบายได้อย่างแน่นอน

ด้วยวัยหนุ่ม (ตอนปลาย) และประวัติโรคภัยของคนใกล้ตัวทำให้ต้องมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคกลุ่มที่เกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือด, หัวใจ, นิ่วในถุงน้ำดี และหากรวมมะเร็งได้จะยิ่งดี  ซึ่งมี 2 แผนประกันสุขภาพในชื่อ “ประกันสุขภาพมิติใหม่” จากทาง Cigna ที่ดูน่าสนใจคือ “ประกันสุขภาพมิติใหม่ สู้แฟต” และ “ประกันสุขภาพมิติใหม่ โรคร้ายไม่กลัว” … หลังจากเปรียบเทียบความคุ้มครองและเบี้ยประกันแล้วผมตัดสินใจเลือก “ประกันสุขภาพมิติใหม่ สู้แฟต” เพราะคุ้มครองโรคที่ตัวเองคิดว่ามีความเสี่ยงมากกว่า (ทั้งสองแผนคุ้มครองโรคหัวใจ, หลอดเลือด, มะเร็งระยะลุกลามเหมือนกัน  แต่แบบ “โรคร้ายไม่กลัว” จะรวมเบาหวาน ในขณะที่ “สู้แฟต” จะรวมโรคเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดที่ผมให้ความสำคัญมากกว่า)

สำหรับรายละเอียดของความคุ้มครองรวมถึงเบี้ยประกันของทั้งสองแผนดูได้จากลิ้งค์ด้านล่าง

ประกันสุขภาพมิติใหม่ สู้แฟต https://bit.ly/3jeLzGo

ประกันสุขภาพมิติใหม่ โรคร้ายไม่กลัว https://bit.ly/2MY8Gtb

อีกเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกทำประกันสุขภาพมิติใหม่ของทาง Cigna ก็เพราะเป็นรูปแบบประกันสุขภาพที่อยู่ในเกณฑ์นำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดถึง 25,000 บาทซึ่งสุดท้ายแล้วทำให้เราประหยัดภาษีไปได้พอสมควรเลยสำหรับคนที่มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีและยังมีสิทธิ์ลดหย่อนเหลืออยู่ (รวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท)

แผนประกันนี้เราสามารถเลือกชำระเบี้ยได้ทั้งแบบรายเดือน, 3 เดือน, 6 เดือนและ 1 ปี  ซึ่งผมเลือกแบบรายปีเพราะสะดวกดี (แต่ถ้าไม่มีเงินก้อนเลือกทำแบบรายเดือนก็ได้เพราะเบี้ยประกันเฉลี่ยเท่ากันเป๊ะ) … นอกจากนี้ยังมีระดับความคุ้มครองให้เลือกอีก 3 แบบคือ S, M, L ซึ่งวงเงินคุ้มครองก็จะแตกต่างกันไปตามเบี้ยประกันนั่นเอง  แน่นอนล่ะว่าคนมีฐานะอย่างผมต้องเลือกแผน S สิ 555 (เบี้ยประกันเกือบเต็ม 25,000 ตามสิทธิ์ลดหย่อนภาษีพอดี)  แต่ถ้าใครต้องการวงเงินคุ้มครองที่สูงขึ้นก็สามารถเลือกซื้อแผน M และ L ได้เช่นกันครับ  (รายละเอียดเบี้ยประกันและความคุ้มครองรวมถึงสิทธิ์ประโยชน์อื่นๆ มีอยู่ในลิ้งค์ด้านบนแล้ว)

อันที่จริงนอกจากความคุ้มครองซึ่งเป็นเหตุผลหลักของการทำประกันแล้ว ทาง Cigna เองยังมีสิทธิ์ประโยชน์ที่น่าสนใจคือ Cigna Care Card ที่สามารถยื่นเพื่อจะได้ไม่ต้องสำรองเงินก่อน (ในโรงพยาบาลเครือข่ายและโรคบางประเภท), บริการสายด่วนสุขภาพ 24/7 และอีกอันที่สำคัญคือ emergency medical service เมื่ออยู่ห่างจากภูมิลำเนาเช่นต่างจังหวัดรวมถึงต่างประเทศ (อันนี้เหมาะกับคนที่มีอาชีพซึ่งต้องเดินทางบ่อยอย่างผมเป็นที่สุด)

นอกจากแผนประกันที่ผมพูดถึงสองตัวข้างต้นแล้วยังมีแผนประกันอื่นๆ ของทาง Cigna ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้และอาจจะเหมาะกับเพื่อน ๆ อาทิ แผนประกันที่เน้นโรคยอดฮิตอย่าง office syndrome และแผนประกันมะเร็งทุกระยะ … ลองดูข้อมูลได้ที่ https://www.cigna.co.th/health-wellness/tip/insurance-taxdeduction

ป.ล. การทำประกันสุขภาพคือการลดความเสี่ยงอย่างหนึ่ง อย่าไปคิดว่าทำประกันแล้วไม่เป็นโรคจะขาดทุน ที่จริงต้องคิดว่าการที่ไม่เกิดโรคคือกำไรสุดๆ แล้วล่ะ แต่ถ้ามีโรคขึ้นมาเราก็ยังมีตัวช่วยมาลดภาระให้กับเราได้  … จะว่าไปก็เหมือนประกันรถนะ บางทีจ่ายเบี้ยเปล่าๆ ไป 4-5 ปี เกิดต้องเคลมหนักๆ แค่ครั้งเดียวก็คุ้มเลยสำหรับเบี้ยที่จ่ายไปปีก่อนหน้า