Select Page

20 ที่เที่ยวน่านสายชิลล์ต้องไปโดน พร้อมบอกเคล็ดลับจองที่พักน่าน

Guest post
เรื่องและภาพประกอบโดย Traveloka

“น่าน” (Nan) สุดยอดเมืองสโลว์ไลฟ์แห่งภาคเหนือ  เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติแสนสวยงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้บนดอยสูงที่สลับซับซ้อน ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำและน้ำตกอันงดงามหลายแห่ง  รวมถึงมีประชากรหลายเชื้อชาติ ชาวไทยพื้นราบและชาวไทยภูเขา ที่มีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ น่านมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายกำลังรอให้คุณไปตกหลุมรัก ทั้งที่กิน ที่เที่ยวธรรมชาติ รวมไปถึงวัดวาอารามสวยๆ และศักดิ์สิทธิ์ ใครกำลังวางแผนไปเที่ยวน่าน แนะนำเคล็ดลับสำหรับจองที่พักน่านราคาถูก ให้จองที่พักน่านกับ Traveloka เพราะมีตัวเลือกที่พักให้เลือกหลายแบบ รวมถึงราคาไม่แพง ใครกำลังวางแพลนไปเที่ยวน่าน ก็มาเลือกดูที่พักน่านกันได้ รับรองว่าราคาถูกโดนใจ แถมมีโค้ดลดราคา ใช้ลดราคาได้แม้เป็นช่วงไฮซีซั่น

  1. วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง (Phra That Chae Haeng)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/golden-pagoda-nan-province-thailand-phra-378892069

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-phra-that-chae-haeng-province-1575800143

ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองน่าน ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเต่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางสายน่าน-แม่จริม  สร้างขึ้นในสมัยเจ้าพระยาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่าน เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย

องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รอบองค์บุด้วยทองจังโก ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว เป็นโบราณสถาน ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของล้านนา พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการองค์พระธาตุ จะทำให้ชีวิตอยู่ดี มีสุข ปราศจากโรคภัยต่างๆ มาเบียดเบียน หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ทุกปีจะมีงานนมัสการพระบรมธาตุแช่แห้ง ระหว่างวันขึ้น 11 – 15 ค่ำ เดือน 6 หรือประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมของทุกปี 

2.วัดพระธาตุเขาน้อย (Wat Phra That Kao Noi)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-phra-that-khao-noi-nan-1808773522

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/landscape-nan-city-thailand-view-behind-1768467149

ปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น เพื่อขึ้นสู่ลานชมวิว ซึ่งนอกจากจะเป็็นจุดชมทิวทัศน์ของเมืองน่าน ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกแบบ 360 องศา ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542  การขึ้นสู่ลานชมวิว หากไม่ไหวที่จะเดินขึ้นบันได 300 กว่าขึ้น ก็สามารถขับรถขึ้นไปถึงด้านบนได้เลย 

3. วัดภูมินทร์ (Phumin Temple)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-phumin-muang-district-nan-province-1155559291

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-december-27-2019-golden-1622122828

วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน ใกล้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมมีชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดที่มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่นๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย มีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว  ตรงใจกลางพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ ประทับนั่งบนฐานชุกชี หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศไหนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อ หรือที่เรียกกันว่า “ฮูปแต้ม” มีภาพที่เลื่องชื่อที่สุดคือภาพปู่ม่านย่าม่านกำลังกระซิบสนทนา ที่ได้รับฉายาว่า “ภาพกระซิบรักบรรลือโลก” และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ท่องเที่ยวของเมืองน่านจวบจนปัจจุบัน 

4.วัดพระธาตุช้างค้ำ  (Wat Pra That Changkum)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-pra-that-changkum-worawiharn-temple-691006657

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/golden-pagoda-wat-prathat-changkum-worawiharn-1595127901

ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงษ์ ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ “วัดหลวงกลางเวียง” เป็นวัดหลวงสำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนา และพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ทรงลังกามีรูปปั้นช้างปูนปั้นเพียงครึ่งตัว รองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน มีพระประธานนาม “พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี” พระพุทธรูปทองคำปางลีลา ศิลปะเชียงแสนฝีมือสกุลช่างน่าน ที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งของเมืองน่าน

5. วัดมิ่งเมือง (Ming Mueang Temple)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-ming-mueang-nan-city-pillar-1295282818

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-may-18-2019-beautiful-1457773697

วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์ เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงไม้สักทองขนาด 2 คนโอบ สูงประมาณ 3 เมตร ลักษณะเป็นเสาทรงกลม ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลาย ลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จุดเด่นของวัดมิ่งเมืองคือ ศาลาจัตุรมุขลวดลายปูนปั้นสีขาว ที่มีความวิจิตรตระการตา โดยมียอดพรหมสี่หน้าเป็นตัวอาคาร เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความสวยงามวิจิตรบรรจง ด้านในเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองน่าน และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน 

6. วัดภูเก็ต (Phuket Temple)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-june-12-2019-phuket-1441897268

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/homestay-farm-coffee-shop-located-front-1082328143

เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลวรนคร อำเภอปัว ตั้งชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาที่ทางภาคเหนือเรียกว่า “ภู” จึงได้ชื่อว่า “วัดภูเก็ต” ตามลักษณะที่ตั้ง โดยจุดเด่นของวัด คือ มีระเบียงชมวิวด้านหลังวัดติดกับทุ่งนาเขียวขจี มีภูเขาดอยภูคาเป็นฉากหลัง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงาม  ภายในวัดมีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรมฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อแสนปัว” หรือ “หลวงพ่อพุทธเมตตา” นอกจากนี้ยังมี “เทมเพิลสเตย์” (Temple Stay)  เป็นอาคารที่พักซึ่งผู้ที่เข้าพักสามารถปฏิบัติธรรมร่วมกับทางวัด รวมทั้งจะได้ศึกษาวิถีชีวิตของพระเณรภายในวัด ได้ทำบุญ ตักบาตร ลักษณะเหมือนกับโรงแรมระดับ 3 ดาว เพียงแต่ผู้ที่จะเข้ามาพักหากมา เพื่อปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าที่พัก ดีงามมากๆ  

7. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน (Nan National Museum) 

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/national-museum-nan-province-thailand-695460421

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/fascinating-walkway-through-plumeria-tunnel-512659150

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน อยู่ตรงข้ามวัดภูมินทร์  ตั้งอยู่ในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน หรือหอคำที่พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ทรงสร้างขึ้นเป็นที่ประทับ เมื่อ พ.ศ. 2446

เป็นอาคารแบบยุโรป ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน  ภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆ และจัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน รวมทั้งเทศกาลงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัด 

สิ่งของในพิพิธภัณฑ์ชิ้นที่สำคัญ ได้แก่“งาช้างดำ” ปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน  สมบัติของเจ้าผู้ครองนครเมืองน่านรักษาสืบต่อกันมาหลายชั่วคน ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีซุ้มต้นลีลาวดี  ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งโน้มเอียงเข้าหากัน กลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงาม ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปน่านห้ามพลาดเลยทีเดียว

8. วัดพระธาตุเบ็งสกัด (Wat Phra That Beng Sakat)  

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-july-292020-wat-phra-1796236618

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/wat-phra-that-beng-sakat-nan-1103339357

วัดพระธาตุเบ็งสกัด นอกจากจะเป็นวัดที่สำคัญของอำเภอปัวเเล้ว ยังเป็นจุดชมวิวที่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เพราะตั้งอยู่บนเนินสูง โอบล้อมไปด้วยป่าไม้ต้นน้อยใหญ่ทำให้มีบรรยากาศร่มรื่น มองเห็นหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างชัดเจน

 ในช่วงฤดูทำนาจะเห็นวิวท้องทุ่งสีเขียวขจี  ส่วนในช่วงใกล้การเก็บเกี่ยวก็จะเห็นท้องทุ่งนาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามของรวงข้าวที่สุกเต็มที่   วัดสร้างเป็นสถาปัตยกรรมไทยลื้อ และสันนิษฐานว่า พระยาภูคาได้สร้างเมืองปัวโบราณ หรือเมืองวรนคร เพื่อให้เจ้าขุนฟอง พระราชบุตรบุญธรรมมาปกครอง พระวิหารซึ่งสร้างอยู่ติดกับองค์เจดีย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารปิดมีหลังคา 2 ชั้น 2 ตับ มุงด้วยแป้นเกล็ดเป็นศิลปะแบบไทยลื้อ ส่วนองค์พระเจดีย์เป็นงานสถาปัตยกรรมของช่างชาวน่าน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพญาภูคา ประมาณปี พ.ศ.1826   และโปรดให้นำพระแก้วซึ่งมีเกศาเป็นทองคำบรรจุในองค์พระธาตุ มีองค์พระประธานอันเป็นศิลปะแบบพื้นบ้าน ประดิษฐานบนฐานชุกชี ด้านหลังองค์พระ ติดกระจกเงาตามความเชื่อของชาวไทลื้อ ส่วนบานประตูไม้จำหลักเป็นศิลปะพื้นเมืองน่าน

9. หอศิลป์ริมน่าน (Nan Riverside Art Gallery)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-november-12-sign-board-756675262

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-august-12-2016-house-495100504

หอแสดงงานศิลปะขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ ริมแม่น้ำน่าน ดำเนินการโดยศิลปินชาวน่าน

“วินัย ปราบริปู”    ภายในพื้นที่ของหอศิลป์ริมน่าน แบ่งออกเป็นอาคารจัดแสดงหลักๆ 2 หลัง อาคารหลังแรกเป็นอาคาร 2 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบกึ่งนิทรรศการถาวร ชั้นบนจัดแสดงนิทรรศการ “แรงบันดาลใจของมรดกน่าน” ผลงานศิลปะและงานสะสมของเจ้าของแกลลอรี่เอง ทั้งภาพวาด และประติมากรรม ชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน นำผลงานของศิลปินแขนงต่างๆ มาหมุนเวียนจัดแสดง ส่วนอีกอาคารหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน มีชื่อว่า “เฮือนหนานบัวผัน” เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการถาวร ภาพถ่ายจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของ “หนานบัวผัน” ศิลปินผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ วัดหนองบัว รวมถึงภาพจากวัดต่างๆ ที่สำคัญในเมืองน่าน ที่เกี่ยวข้องกับช่างจิตรกรรมฝาผนังเมืองน่าน    และที่บริเวณริมแม่น้ำน่านยังมีจุดชมทิวทัศน์ที่งดงาม และยังมีร้านกาแฟให้นั่งชมบรรยากาศกันด้วย   

10. ตึกรังษีเกษม (Rangsri Kasem Building)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/side-view-classical-brick-british-style-1798538989

ตั้งอยู่ที่ถนนสุมนเทวราช อำเภอเมืองน่าน ในพื้นที่ของโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ก่อตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2458 โดยคณะมิชชันนารี เพื่อเปิดเป็นโรงเรียนคริสเตียนแห่งแรกของเมืองน่าน  เดิมมีชื่อว่า โรงเรียน “เมริเอริสมิทบราวส์” (Merier Smith Browns) แรกเริ่มสร้างตึกกลางเป็นหลังแรก โดยดัดแปลงมาจากอาคารเรียน “ลินกัล์นอะแคเดมี” (Lingall’s Academy) ซึ่งเป็นโรงเรียนชายแห่งแรก ส่วนตึกรังษีเกษมเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ทั้งสองตึกถือเป็นต้นแบบอาคารสไตล์ตะวันตกยุคแรกของเมืองน่าน ปัจจุบันตึกรังษีเกษมได้ถูกดัดแปลงเป็นอาคารหอประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้สมัยมิชชันนารี ทั้งขวานหิน ไห กระบวย ธนบัตร ตะเกียงเจ้าพายุ วิทยุเก่า และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ มากมาย ตลอดจนภาพถ่ายเมืองน่านในอดีตกว่า 1.000 ภาพ เปิดให้เช้าชมในวันจันทร์- ศุกร์  ในเวลาราชการ

11. อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน  (Lam Nam Nan National Park) 

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/fishing-village-lam-nam-nan-national-1141521566

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/fishing-village-lam-nam-nan-national-700053874

อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน อยู่ในพื้นที่จังหวัดแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ เป็นทิวเขาสลับซับซ้อนประกอบด้วยป่านานาชนิดที่ยังคงความสมบูรณ์  จุดท่องเที่ยวสำคัญได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภายในมีเกาะแก่งมากมาย เหมาะสำหรับการล่องแพชมวิวทิวทัศน์  จุดชมวิว เส้นทางสายป่าแดง น้ำกราย และลำน้ำนางพญา เส้นทางลัดเลาะตามไหล่เขา มีทัศนียภาพสวยงาม เพราะเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านป่าดิบแล้ง นอกจากนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์อีกด้วย แก่งนางพญา เป็นแก่งหินน้อยใหญ่กลางลำน้ำนางพญา บริเวณแก่งมีวิวสวยงามไม่แพ้กัน และยังมีน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกเชิงทอง น้ำตกห้วยมุ่น และน้ำตกดอยผาหมอก ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีน้ำไหลตลอดปี  มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทางคือ ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร และ 4 กิโลเมตร โดยทุกเส้นทางนั้นมีจุดชมวิวให้ได้เพลิดเพลินตลอดเส้นทาง

12. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน (Khun Sathan National Park)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-feb-11-2019-khun-1351873550

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/beautiful-sunrise-khun-sathan-national-park-694765327

อุทยานแห่งชาติขุนสถาน เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่นาน้อย และอำเภอนาหมื่น มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนสูงชัน ทอดตัวยาวจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นยอดดอยสูง ที่มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว และน้ำตกสวยจากเทือกเขาสูง ไฮไลท์ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือ “ดอยกู่สถาน” ด้วยความสูงประมาณ 1,630 เมตร  ทำให้ดอยแห่งนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง “ดอยแม่จอก” เป็นอีกดอยหนึ่งที่เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามมองเห็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกกว้างใหญ่สุดสายตาอีกด้วย ในช่วงปลายฤดูหนาว ประมาณต้นเดือนมกราคม เป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง โดยเฉพาะที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถ่ายรูปได้อย่างรัวๆ เลยทีเดียว

13. เสาดินนาน้อย  (Sao Din Na Noi)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/sao-din-na-noisoil-textures-eroded-1745395526

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/soil-textures-sao-din-na-noi-116673622

เสาดินนาน้อย หรือที่ชาวน่านเรียกกันว่า “ฮ่อมจ๊อม” ตั้งอยู่ที่ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีน่านประมาณ 24 กิโลเมตร  เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการกัดกร่อนของลมและฝนเป็นเวลาหลายพันปี จนเกิดมาเป็นประติมากรรมที่งดงาม สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 30,000-10,000 ปี และเคยเป็นก้นทะเลมาก่อน อีกทั้งเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ในยุคหินเก่ามาก่อน เนื่องจากมีการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ ใกล้ๆ กันยังมี “คอกเสือ” มีลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดินด้านบนลงไปประมาณ 10 เมตร ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะและพังทลายของดิน  นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติทางประวัติศาสตร์แล้ว ที่นี่ยังถือเป็นโลเคชั่นสุดงดงามในการถ่ายภาพอีกด้วย  

14. บ่อเกลือ  (B0 Kluea)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/rock-salt-production-process-nan-province-1753906973

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/production-mountainous-salt-sintao-ancient-making-1382037935

บ่อเกลือสินเธาว์ เป็นบ่อเกลือภูเขาหนึ่งเดียวในโลก อายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ที่ปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม โดยตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก แล้วตักน้ำเกลือจากบ่อมาต้มในกระทะประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ให้น้ำระเหยแห้งจนเกลือตกผลึก จากนั้นตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกระทะ เพื่อให้สะเด็ดน้ำ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนน้ำในกระทะแห้ง หมดแล้วจึงตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ หลังจากนั้นใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำเกลือแต่ละบ่อนั้นมี “เจ้าซางคำ” คอยปกปักรักษาอยู่ ดังนั้นทุกวันแรม 9 ค่ำ เดือน 5  ชาวบ้านบ่อหลวงจะทำพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงบ่อเรียกว่า “พิธีแก้ม” จะมีการเลี้ยงเจ้าหรือเลี้ยงผี เพื่อขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ปกป้องคุ้มครองและให้เกลือแก่พวกเขาใช้ทำมาหากินสืบมา

15. บ้านสะปัน  (ฺBann Sapan)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-june-13-2019-baan-1454561054

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/baan-sapan-rainy-season-nan-1442731520

จุดหมายปลายทางของผู้ที่ต้องการหลบความวุ่นวายมาชาร์ทพลัง สูดโอโซนให้เต็มปอด บ้านสะปันตั้งอยู่ที่ตำบลดงพญา ห่างจากอำเภอบ่อเกลือประมาณ  8 กิโลเมตร  เป็นชุมชนเล็กๆ อันเงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ มีครบทั้ง ขุนเขา สายน้ำ ทุ่งนา น้ำตก และ สายหมอก มีลำน้ำว้า (ตอนบน) ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน แถมยังมีที่พักทั้งแบบรีสอร์ทและโฮมสเตย์ให้ได้นอนใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบสุดๆ ไฮไลท์ห้ามพลาด คือ “วัดสะปัน” ซึ่งเป็นจุดชมวิวหมู่บ้านสะปันและทุ่งนาเขียวขจีแบบพาโนรามา กิจกรรมของที่นี่ มีทั้งเดินสำรวจหมู่บ้าน หรือจะขี่จักรยานซอกซอนไปตรงนั้นตรงนี้ก็ไม่ว่ากัน อย่าลืมแวะถ่ายรูปที่สะพานร่วมใจสามัคคี ที่ใครมาที่นี่ต้องเก็บภาพประทับใจไปอวดเพื่อนๆ กัน

16. ดอยเสมอดาว (Doi Samer Dao)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/fog-sea-sunrise-doi-samer-dao-582021244

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/milky-way-tent-doi-samer-dao-1060910282

ดอยเสมอดาว  เป็นจุดชมวิวที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นพื้นที่ที่มีลานกว้างโค้งไปตามสันเขา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้าได้แบบ 360 องศา และชมทะเลดาวในยามค่ำคืน ส่วนจุดชมพระอาทิตย์อยู่ที่ “ผาหัวสิงห์” ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายสุดของลานดูดาว  เมื่อเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นไปยังบนสุดของผาหัวสิงห์ จะสามารถมองเห็นตัวอำเภอเวียงสา อำเภอนาน้อย ผาชู้ และแม่น้ำน่าน ใครอยากเห็นทางช้างเผือก แนะนำให้ไปในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ส่วนใครอยากถ่ายรูปกับทะเลหมอก  ช่วงปลายฝนต้นหนาว กลางเดือนตุลาคม – ธันวาคม เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปน่าน  ช่วงหน้าฝนระหว่างมิถุนายน-กันยายน ทางอุทยานฯ จะปิด ไม่ให้มีการเข้าไปพักหรือกางเต็นท์ แต่ก็สามารถเข้าไปเที่ยวได้ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น

17. ม่อนเคียงดาว (Mon Kiang Dao)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/canvas-bell-tents-on-top-mountain-1741711397

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/monkiangdao-doi-samer-dao-nan-province-1578436117

ม่อนเคียงดาว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย ห่างจากดอยเสมอดาว ประมาณ 1.5 กิโลเมตร พื้นที่บริเวณนี้เป็นไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน ที่ปลูกไว้เลี้ยงสัตว์ หรือนำมาทำผลิตภัณฑ์อาหาร หลังจากหมดฤดูทำไร่ข้าวโพด ชาวบ้านก็จะปรับพื้นที่ตรงนี้ทำเป็นที่พักชั่วคราวไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปน่าน ซึ่งมีที่พัก 3 แบบ  คือ บ้านกระโจม บ้านกระท่อม และเต็นท์ ซึ่งตั้งเรียงกัน ลดหลั่นเป็นชั้นๆ  จุดเด่นของม่อนเคียงดาวคือ ระเบียงไม้ไผ่ที่ยื่นออกไปตรงเชิงเขา ทำให้เห็นวิวสุดลูกหูลูกตาแบบ 360 องศา เลยทีเดียว แถมมีทุ่งปอเทืองพลิ้วไหวให้ถ่ายรูปสวยๆ อีกด้วย ที่ีนี่เปิดให้พักเฉพาะเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ของแต่ละปีเท่านั้น และรับจองที่พักทางโทรศัพท์เท่านั้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

18. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (Doi Phu Kha National Park)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/layers-mountains-doi-phuka-456153913

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/mountains-under-mist-morning-doi-phu-1228369183

เทือกเขาดอยภูคาประกอบด้วยแนวภูเขาสูงสลับซับซ้อน ถือเป็นส่วนหนึ่งของปลายเทือกเขาหิมาลัย จึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ป่าดึกดำบรรพ์ปลายทางหิมาลัย” นอกจากนี้ดอยภูคาเดิมเคยเป็นทะเลมาก่อนจึงได้สมญา “ขุนเขาใต้ทะเล” และที่เป็นไฮไลท์ของดอยภูคาก็คือ “ดอกชมพูภูคา” พันธุ์ไม้หิมาลัย และเป็นไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งในโลก ที่จะบานสะพรั่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม  จุดชมต้นชมพูภูคาเข้าถึงง่ายที่สุดอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1256 เส้นทางบัว-บ่อเกลือ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นระเบียงไม้ยืนออกไปให้ยืนชมต้นชมพูภูคาที่ยืนต้นสูงขึ้นมาจากหุบเขา จุดชมวิว 1715 เป็นหนึ่งจุดห้ามพลาด เป็นจุดที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1715 เมตร วิวจึงสวยงามเกินบรรยาย อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกัน

19. ดอยสกาด (Doi Skad)

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-december-29-2019-coffee-1705095481

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-october-10-2019-sakad-1543240442

ดอยสกาด ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยภูคา ห่างจากตัวเมืองปัวประมาณ 22 กิโลเมตร    เป็นชุมชนเล็กๆ ที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวไทยภูเขาชนเผ่าลั๊วะ มีชื่อเสียงในเรื่องใบเมี่ยง และมะแขว่นของดีเมืองน่าน โดยบ้านเกือบทุกหลังจะมีต้นมะแขว่น ซึ่งเป็นเครื่องเทศพื้นเมืองของภาคเหนือ รวมถึงต้นชาสายพันธุ์อัสสัม ที่นิยมปลูกเอามาทำ “ใบเมี่ยง” นั่นเอง กิจกรรมห้ามพลาดที่ดอยแห่งนี้ คือ  ชมไร่กาแฟกลางหุุบเขาและชมนาข้าวขั้นบันไดบนภูเขา เดินชมวิถีชีวิตชาวบ้านระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเล็กๆ ที่โค้งชันขึ้นลงตามไหล่เขาจะเห็นโรงเก็บไม้ที่ใช้ทำฟืน ต้นชาอัมสัม และต้นมะแขว่นแทบทุกบ้าน ที่นี่มีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้พักค้างแรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปน่าน ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด

20. ดอยตีดู้ว์  (Doi Tee Doo) 

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/landscape-fog-mountains-under-mist-morning-759237280

https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nan-thailand-january-1-2020-doi-1687526377

ดอยตีดู้ว์ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บนยอดดอยสูงประมาณ 700 เมตร จากระดับน้ำทะล ตั้งอยู่บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 (น่าน-พะเยา) ตำบลสะเนียน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 29 กิโลเมตร คำว่า “ตีดู้ว์” เป็นภาษาชาวเขาเผ่าม้ง   แปลว่า “ใกล้ขอบฟ้า” เมื่อมายืน ณ บริเวณจุดชมวิว ซึ่งเป็นทางเดินไม้ไผ่ยื่นออกไปจากเชิงเขา ก็สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกได้อย่างชัดเจนเต็มสองตา เรียกได้ว่าแทบจะแตะทะเลหมอกได้ใกล้ขอบฟ้าจริงๆ ในยามเย็นยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามจับตาเช่นกัน มีลานกางเต็นท์ให้มานอนนับดาว กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือ การโล้ชิงช้าม้ง ชมไร่สตรอว์เบอร์รี่ จิบกาแฟดอยควันกรุ่น แต่งชุดพื้นเมืองถ่ายรูปกับวิวสวยๆ และยังมีตลาดชุมชนให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปน่านได้ได้ช้อปฝากกลับบ้านอีกด้วย

น่าน เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ ผู้คนน่ารัก เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล เหมาะแก่การชาร์ทแบตชาร์ทพลังเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นแหล่งท่องเที่ยวค่อนข้างจะหลากหลาย มีทั้งในเมือง นอกเมือง หรือต่างอำเภอ การใช้บริการรถเช่าจาก Traveloka จะช่วยให้การเดินทางขึ้นเขาขึ้นดอยเป็นเรื่องง่าย จะเช่ารถพร้อมคนขับ หรือเช่ารถแล้วขับเองก็ได้ตามอัธยาศัย แค่เตรียมตัวให้พร้อม ไปจองที่พักน่าน และเลือกดูที่พักน่านที่คุณชื่นชอบ หลังจากนั้นก็แค่เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้เริ่ดเข้าไว้ แล้วออกไปตะลุยถ่ายรูปสวยๆ แบบรัวๆ ให้เต็มที่กันไปเลย