Select Page

ไต้หวัน FARM TRIP – เที่ยวไต้หวันไม่เหมือนใคร ไปเที่ยวฟาร์ม

Media Fam Trip สนับสนุนโดย การท่องเที่ยวไต้หวัน

พูดถึงไต้หวันหลายคนคงนึกถึง Landmark สำคัญในไทเป, อาหารอร่อยราคาไม่แพง หรือแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติชื่อดังอย่าง Sun Moon Lake, ​Alishan และเมืองเก่าอย่างจิ่วเฟิ่น … แต่ที่จริงแล้วไต้หวันมีอะไรน่าสนใจมากกว่านั้น ซึ่งการมาเยือนไต้หวันครั้งที่ 5 ของผมได้สัมผัสกับอีกหนึ่งประสบการณ์ท่องเที่ยวในประเทศเล็กๆ แห่งนี้ … นั่นคือ FARM TRIP –  เที่ยวฟาร์มเกษตรในไต้หวัน

ด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรน้ำและดินแร่ธาตุสูงทำให้เกษตรกรรมเป็นหนึ่งในอาชีพที่สำคัญของชาวไต้หวัน หลายแห่งได้มีการนำกิจกรรมท้องถิ่นมาถูกโยงกันเกิดเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร … ทริปนี้จะพาออกนอกเมืองไปสัมผัสธรรมชาติและกิจกรรมพื้นบ้านของชาวไต้หวันกันครับ

Shangrila Leisure Farm เมืองอี๋หลาน (Yilan)

Shangrila Leisure Farm รีสอร์ทกึ่งฟาร์มเกษตรรุ่นบุกเบิกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัว มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และที่สำคัญยังจริงจังเรื่องการนำการเกษตรมาพัฒนาให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว … คุณจางเจ้าของรีสอร์ทพร้อมลูกชายอีก 2 คนที่มีดีกรีจบเมืองนอกได้ช่วยกันทำให้รีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันและต่างชาติจนกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของรีสอร์ทกึ่งฟาร์มในอี๋หลาน และยังเป็นต้นแบบให้กับรีสอร์ทอื่นๆ ด้วย

ห้องพักของที่นี่กว้างขวางตรงตาม concept การพักผ่อนแบบครอบครัว  ภายในตกแต่งด้วยไม้สนฮิโนกิซึ่งคุณจางปลูกเพื่อจำหน่ายด้วย

ภายในรีสอร์ทเป็นแปลงเกษตรแบบผสมผสานทั้งไม้ผล, ผักและไม้ยืนต้นที่เป็นพืชเศรษฐกิจอย่างต้นสน

แม้จะสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากเพียง 250 เมตร แต่บรรยากาศเหมือนอยู่บนภูเขาสูงเพราะความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบ

อาหารมื้อค่ำอร่อยแทบทุกอย่าง วัตถุดิบสด มีแต่กุ้งทอดที่ไม่ค่อยถูกปากเพราะมันออกหวานกลิ่นเหมือนป๊อปคอร์น รู้สึกว่ามันไม่เข้ากับของคาว

กิจกรรมที่นี่มีหลายอย่างเช่น เล่นลูกข่าง, ปั้นบัวลอย, ปล่อยโคมเป็นต้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Shangrila Leisure Farm ดูได้ที่

http://www.shangrilas.com.tw/shangrila_en/

Feng Chun Villa เมืองอี๋หลาน (Yilan)

ที่พักอีกแห่งในเมืองอี๋หลานที่เจ้าของมีดีกรีจบด้าน hotel management จาก Switzerland และกลับมาปรับปรุงบ้านพักตากอากาศของครอบครัวให้กลายเป็น home stay ที่มี concept น่าสนใจ … แม้เจ้าของจะเรียกที่พักของตัวเองว่าเป็น home stay แต่พอได้เห็นของจริงต้องบอกว่าที่พักดูหรูหรากว่าที่จินตนาการไว้เยอะทีเดียว

บรรยากาศภายใน Feng Chun Villa … ด้านในเต็มไปด้วยภาพและของที่ระลึกจากทั่วโลกซึ่งพ่อของคุณโฮวาร์ดเจ้าของที่พักแห่งนี้สะสมจากการท่องเที่ยวกว่าร้อยประเทศ

นอกจากที่พักท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเจ๋งๆ ให้กับแขกด้วย อย่างเช่นเก้าอี้นั่งพร้อมตู้เล็กๆ สำหรับให้ความอบอุ่นที่เ คงฟินมากที่ได้นั่งดูวิวต้นสนช่วงอากาศหนาวๆ … นอกจากนี้ยังมีห้องสำหรับอบตัว (คล้ายซาวน่า) และห้องสำหรับออกกำลังกายในห้องที่ใช้แสง infrared ให้ความอบอุ่นและผนังเป็นกระจกใสเห็นวิวโดยรอบ

นอกจากที่พักแล้วที่นี่ยังนำเสนอกิจกรรมการทำอาหารด้วย  โดยเมนูหลักคือขนมต้นหอมซึ่งเป็นที่นิยมของไต้หวัน ทั้งนี้เราสามารถไปเก็บต้นหอมได้จากไร่ของคุณโฮวาร์ดแล้วนำมาทำกันสดๆ ที่ cooking studio ภายในบริเวณที่พัก​

นอกจากขนมต้นหอมแล้วยังมีเมนูอื่นๆ คือน้ำพริกปลาข้าวสารและข้าวปั้นอกเป็ดอบยัดใส้น้ำพริกปลาข้าวสารซึ่งอร่อยถูกปากมาก … สำหรับราคา cooking class  อยู่ที่ 1,990 NTD ต่อคนสำหรับเมนูอาหารแบบ 3 อย่าง

Fairy Story Village Organic Farm เมืองอี๋หลาน (Yilan)

เป็นการผสมผสานระหว่างที่พักซึ่งตกแต่งด้วยผนังวาดรุปการ์ตูนต่างๆ  ตั้งอยู่อยู่ท่ามกลางทุ่งนากับอีกส่วนหนึ่งเป็นร้านอาหารและเป็นจุดทำกิจกรรมต่างๆ ของฟาร์ม … ความรู้สึกมันก็จะขัดแย้งกันหน่อยระหว่างความออแกนิคที่ Farm นำเสนอกับรูปแบบของที่พัก แต่หากมองในมุมของการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ก็ถือว่าห้องพักเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่จะทำให้เด็กๆ มีความสุขกับการพักที่นี่ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม

กิจกรรมที่เราได้ทดลองทำกันคือทำ Vinegar จากกระเจี๊ยบ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสำหรับเรียกน้ำย่อยก่อนทานอาหาร … ผมลองเอามาทานเป็นน้ำสลัดกับผักสดก็เข้ากันอยู่นะ … วิธีการทำไม่ยากแค่ใส่น้ำตาลกรวด ดอกกระเจี๊ยบแห้งและหัวเชื้อลงไปรวมกัน ทิ้งไว้ 3 เดือนก็สามารถนำออกมารับประทานได้ … ทำเสร็จก็สามารถนำ package เก๋ๆ นี้กลับไปหมักต่อที่บ้านได้เลย

กิจกรรมที่สองคือการสีข้าว เริ่มจากการแยกเศษฟางออก นำใส่เครื่องสีขนาดเล็กเท่าเครื่องซักผ้าสักพัก จากนั้นก็รอรรับข้าวสารที่แยกเอาเปลือกออกพร้อมหุงได้เลย …​จะบอกว่าข้าวที่นี่หอมอร่อยไม่แพ้ข้าวของไทยเลย ที่สำคัญปลูกแบบออแกนิคด้วยนะ

อาหารภายในรีสอร์ทเป็นชาบูเซ็ต ราคาหัวละ 590 NTD ประกอบด้วยเนื้อต่างๆ ผักสดซึ่งบางอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นโสมสด ทีแรกนึกว่าจะรสเฝื่อนที่ไหนได้ผักเหล่านี้อร่อยมากๆ

Lan Yang Shrimp Land เมืองอี๋หลาน (Yilan)

เป็นฟาร์มที่มีกิจกรรมให้ตกกุ้งแล้วนำมาย่างเกลือทาน ตั้งอยู่ที่เมืองอี๋หลานเช่นกัน … แม้บ่อแบบนี้จะมีให้เห็นในเมืองไทยแต่ของที่ไต้หวันเค้าจัดการเรื่องคุณภาพน้ำดีมาก น้ำในบ่อใสสะอาดและไม่ใช้สารเคมีในการเลี้ยงเลย ดังนั้นจึงทานได้อย่างสบายใจ … อ้อ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์คือกุ้งแม่น้ำบ้านเรานี่เอง สำหรับราคาอยู่ที่คนละ 300 NTD ตกได้ชั่วโมงครึ่ง จำกัดกุ้งได้ไม่เกิน 3 ขีด (ราว 6-7 ตัว) จะว่าไปราคาก็ไม่ถือว่าถูกนะแต่ส่วนหนึ่งก็ถือว่าเป็นค่าทำกิจกรรมครับ

กุ้งที่ตกได้ถูกนำมาเสียบเหล็กและปิ้งกันสดๆ รสชาติจึงหวานและอร่อยมาก

Shin Kong Chao Feng Ranch and Resort เมืองฮวาเหลียน (Hualien)

เมืองฮวาเหลียนเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Taroko อันโด่งดัง … แต่รอบนี้ผมพักห่างออกจากตัวเมืองที่ Shin Kong Chao Feng Ranch and Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ ห้องพักเป็นแบบหลังๆ พื้นที่กว้าง ภายนอกดูเหมือนบ้านสไตล์ยุโรป ภายในตกแต่งด้วยไม้เหมาะสำหรับพักกันเป็นครอบครัวเช่นกัน แขกของรีสอร์ทสามารถใช้บริการอาบน้ำแร่ได้ โดยมีทั้งแบบใส่ชุดว่ายน้ำและแบบตัวเปล่าเหมือน onsen ของญี่ปุ่น แต่ผมเพลียจากการเดินทางเลยไม่ได้ไปลองใช้บริการ

มื้อค่ำของที่รีสอร์ทจานหลักเป็น set menu และสามารถทาน salad bar ได้ด้วย ผักที่นี่สดมากๆ คงเพราะใช้วัตถุดิบที่ปลูกพื้นที่นั่นเอง

ฝั่งตรงข้ามรีสอร์ทเป็นฟาร์มกึ่งสวนสัตว์ชื่อ Shin Kong Chao Feng ที่อยู่ในเครือเดียวกับที่พักและแขกของที่พักก็สามารถเข้าชมได้ฟรีด้วย ส่วนใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ในราคา 350 NT โดยสถานีรถไฟจะอยู่หน้าสวนเลยชื่อ Linrong Shin Kong Station ใช้เวลาจากเมืองฮวาเหลียนราวครึ่งชั่วโมง ถือเป็นอีกจุดที่เหมาะจะพ่วงกับการเที่ยว ​​Taroko โดยที่การเดินทางไม่ยุ่งยากจนเกินไป

บรรยากาศภายในร่มรื่น landscape สวยงามเหมาะกับการพักผ่อน สามารถเช่ารถจักรยานไฟฟ้าขับเที่ยวรอบสวนได้โดยไม่ต้องเดินให้เหนื่อยราคาต่อวันราว 3-600 NTD สำหรับ 2-4 คน มุมถ่ายภาพสวยๆ เพียบ (จะว่าไปเหมาะจะมาถ่าย pre-wedding มากๆ) ที่สำคัญด้านในนอกจากฟาร์มวัวนมแล้วยังเป็นสวนสัตว์ย่อมๆ ที่หลายชนิดน่ารักน่าเอ็นดูและสามารถเข้าไปสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดทีเดียว .. เชื่อว่าแนวนี้ถูกใจเด็กๆ 1000% เพราะขนาดผู้ใหญ่อย่างผมยังเพลินเลย ทั้งถ่ายภาพและชมความน่ารักของสัตว์ทั้งหลาย

หากมาที่นี่แนะนำให้ชิม pudding และไอศกรีมที่ทำจากนมวัวภายในฟาร์ม ทีแรกผมก็คิดว่าคงจะเลี่ยนๆ เพราะปกติไม่ค่อยถนัดดื่มนมสดเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ชิมทั้งสองอย่างแล้วกลับชอบมากๆ ไม่หวานและก็ไม่เลี่ยน

Li Chuan Aqua Farm เมืองฮวาเหลียน (Hualien)

เป็นฟาร์มหอยกาบสีทองที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมือง Hualien เล็กน้อย …​เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มาจากหอยกาบหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นพวกยาบำรุงที่สกัดจากหอยนั่นเอง

ทั้งนี้เมืองฮวาเหลียนมีลักษณะภูมิประเทศพิเศษคือด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง อีกด้านเป็นทะเลแปซิฟิคและมีที่ราบซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองฮวาเหลียนอยู่ตรงกลาง … ในแต่ละวันไอน้ำจากทะเลที่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ จะถูกพัดเข้าไปสู่ยอดเขาก่อนที่จะรวมตัวเป็นเมฆและเกิดเป็นฝนในที่สุด  น้ำฝนเหล่านี้ไหลลงมาสู่พื้นที่ราบของฮวาเหลียนจนเกิดเป็นตาน้ำที่อุดมด้วยแร่ธาตุและเหมาะอย่างยิ่งกับการเจริญเติบโตของหอยกาบและปลานิล 

ภายในฟาร์มนอกจากจำหน่ายสินค้าและเป็นร้านอาหารแล้วยังมีกิจกรรมให้ลงไปหาหอยในบ่อทรายด้วยราคาคนละ 120 NTD สามารถเล่นได้อย่างสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับการมาที่นี่ด้วยรถสาธารณะ ใช้รถบัสเวียน Taiwan Tourist Shuttle ลงสถานี Lichuan Fishing Ground ซึ่งอยู่หน้าฟาร์ม

เมนูต่างๆ ของร้านอาหารเน้นที่ทำจากหอยและปลาต่างๆ ที่เพาะเลี้ยงภายในฟาร์ม รสชาติอร่อยนะแต่หอยตัวเล็กไปหน่อย

Jai Fu Garden, หยางหมิงซาน เขตไทเป

สวนดอกไม้ Jai Fu ตั้งอยู่ที่หยางหมิงซาน อุทยานแห่งชาติที่อยู่ในเขตไทเปและใกล้ชิดเมืองหลวงมาก ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ซึ่งตอนนี้ (ต้นเดือนพฤษภาคม) ดอก Calla Lilly ในสวนกำลังออกดอกสะพรั่งพอดี เสียดายที่ฝนตกหนักและหมอกลงจัดก็เลยทำให้ถ่ายภาพยากสักนิด

แต่ก่อนเขตนี้เคยเป็นแหล่งน้ำของทหารญี่ปุ่น และคนพื้นเมืองก็ทำเกษตรกรรมแบบอื่น แต่ภายหลังการทำสวนดอก Calla Lilly กลับทำรายได้ให้กับหมู่บ้านเป็นอย่างดีเพราะสามารถส่งออกไปขายญี่ปุ่นและทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย ในแต่ละเดือนจะมีดอกไม้อื่นๆ ผลัดเปลี่ยนกันบานเกือบตลอดปี อย่างช่วงนี้ก็จะเริ่มเห็นดอก Hydrangea เริ่มบานบ้างแล้ว แต่กว่าจะสะพรั่งคงต้องเป็นเดือนมิถุนายน ราคาค่าชมสวน 100 บาทเท่านั้นสำหรับชมดอกลิลลี่ และสามารถเก็บดอกไม้กลับได้ 6 ดอก ส่วน Hydrangea ก็ราคาเท่ากันครับ

โดยสรุปต้องบอกว่าการไปเที่ยวฟาร์มต่างๆ ในไต้หวันรอบนี้ทำให้ได้ประสบการณ์แปลกใหม่กว่าการมาเยือนไต้หวันครั้งก่อนๆ ในแง่ของความสวยงามของสถานที่อาจไม่ได้อลังการหรือตรึงตาขนาดแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของไต้หวัน แต่แทบทุกแห่งบรรยากาศดี เงียบสงบ และเหมาะกับการพักผ่อนมากๆ … ในส่วนของกิจกรรมก็มีทั้งแบบที่เฉยๆ เพราะมีความคล้ายคลึงกับในเมืองไทย และแบบที่สนุกเพราะไม่เคยทำมาก่อน อันนี้คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วย …  สุดท้ายแล้วถ้าจุดประสงค์หลักคือการมาพักผ่อน ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด และทานอาหารดีๆ จากวัตถุดิบสดๆ การมาเที่ยวฟาร์มไต้หวันน่าจะตอบโจทย์ได้อย่างดี แต่ถ้ามาเพื่อไล่ล่าหามุมถ่ายภาพหรือ check in การท่องเที่ยวรูปแบบนี้ก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะเท่าไหร่นะ J

หมายเหตุ

  1. ฟาร์มส่วนใหญ่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง และหลายแห่งอาจเข้าถึงยากด้วยขนส่งสาธารณะ  การเดินทางไปยังฟาร์มเหล่านี้ด้วยการเช่ารถพร้อมคนขับ จึงเป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด
  2. กิจกรรมและข้อมูลต่างๆ อาจมีเฉพาะภาษาจีนในบางฟาร์ม  และพนักงานอาจสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษไม่ดีนัก จึงอาจเป็นอุปสรรคอยู่บ้างในด้านการสื่อสาร
  3. เนื่องจากฟาร์มหลายแห่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าหรือธรรมชาติ อาจพบแมลง, ยุงได้ค่อนข้างมาก ควรเตรียมสเปรย์ป้องกันสัตว์เหล่านี้ติดตัวไปด้วย และไม่แนะนำสำหรับคนที่แพ้สัตว์เหล่านี้