Select Page

เที่ยว Yilan (อี๋หลาน) … เสน่ห์เมืองรองของไต้หวัน

Media Fam Trip สนับสนุนโดย การท่องเที่ยวอี๋หลาน

Yilan อ่านออกเสียงว่า “อี๋หลาน” เป็นเทศมณฑลหนึ่งของประเทศไต้หวัน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ มีภูเขาล้อม 3 ด้านและอีกด้านหนึ่งคือทะเลแปซิฟิค อยู่ติดกับไทเปจึงมักถูกเรียกว่าเป็น “สวนหลังบ้าน” ของไทเป เพราะคนในเมืองมักมาพักผ่อนกับบรรยากาศสบายๆ ใกล้ชิดธรรมชาติกันที่นี่เนื่องจากเดินทางสะดวกไม่ว่าจะใช้รถยนต์หรือรถไฟก็ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเท่านั้น

สำหรับคนไทย “อี๋หลาน” อาจยังไม่เป็นที่คุ้นหูนัก รีวิวนี้ “นายมด” จึงขอพาสัมผัสส่วนหนึ่งของ “อี๋หลาน” ที่เชื่อว่าต้องถูกใจใครหลายคนแน่ๆ … เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราเดินทางไปอี๋หลานพร้อมๆ กันเลย

The Jimmy Square
ตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ Yilan หรือจะเรียกว่าเป็นห้องรับแขกของเมืองนี้ก็คงจะไม่ผิด เพราะประติมากรรมน่ารักที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนในย่านนี้ ทำให้แขกผู้มาเยือนรับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรของเมือง และเป็นจุดเช็คอินอย่างดีว่าเราได้เดินทางมาถึงอี๋หลานแล้ว

ส่วนตัวแล้วผมชอบที่นี่นะ แม้พื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ใช้ตัวการ์ตูนจากผลงานของศิลปินจิมมี่ เลี่ยวซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ในอี๋หลานมาเป็นตัวชูโรง และจัดวางอยู่ในพื้นที่บ้านพักเก่าพนักงานรถไฟได้อย่างลงตัว มีมุมให้ถ่ายภาพมากมายและในบริเวณเดียวกันยังสามารถหาร้านกาแฟเก๋ๆ นั่งชิลๆ ได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ

มื้อเที่ยงวันแรกในอี๋หลาน เราทานอาหารท้องถิ่นเป็นข้าวราดเนื้อหมูตุ๋น ทานคู่กับผักและแกงจืดต่างๆ รสอร่อยถูกปากราคาพอๆ กับ street food บ้านเราครับ

Neipi Beach
เป็นชายหาดยาวในเมือง Suao ซึ่งคนท้องถิ่นจะมาพักผ่อนเดินรับลมเย็นๆ กัน บ้างก็ตกปลา บ้างก็นำอาหารมาทานกับครอบครัว ทรายอาจะไม่ขาวและละเอียดเหมือนบ้านเราแต่สของน้ำในวันที่อากาศดีนั้นสวยไม่แพ้กัน … ส่วนตัวแล้วผมชอบลักษณะของแหลมทั้งสองด้านของหาดเพราะถ่ายภาพออกมาแล้วสวยดี

Doufu Cape หรือ Tofu Cape
เป็นอีกสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง Suao เพราะมีอ่าวเล็กๆ สำหรับทำเล่นกิจกรรมทางน้ำ โดยมีแนวกันคลื่นช่วยลดความแรงของคลื่นลม

Nanfang’ao Observation Decks
เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมือง, ท่าเรือและเวิ้งอ่าวที่สวยงามของเมือง Suao ผมว่ามุมนี้หากมาในวันที่อากาศดีน่าจะสวยทีเดียวล่ะโดยช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก เสียดายวันที่ผมไปฟ้าไม่เป็นใจเลยได้ภาพแบบหม่นๆ ไปสักหน่อย

ZHU DAYU Culture Museum
ตั้งอยู่ในเขต Suao ซึ่งเป็นเมืองท่าตอนบนของไต้หวัน … วิถีชีวิตของคนที่นี่จึงเกี่ยวข้องอยู่กับการประมงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มิวเซียมขนาดเล็กแห่งนี้บอกเล่าเรื่องราวของการทำประมงแบบดั้งเดิม และข้อมูลพันธุ์ปลาต่างๆ มีภาพที่วาดเป็นอุโมงค์ใต้น้ำโดยศิลปินท้องถิ่นไว้สำหรับเก็บภาพเป็นที่ระลึก และสามารถหาซื้อของฝากจำพวกผลิตภัณฑ์จากทะเลได้ที่ชั้นล่างของอาคาร

สำหรับผมที่นี่ไม่ค่อยน่าสนใจนัก เพราะข้อมูลต่างๆ และการบรรยายเป็นภาษาจีนล้วนๆ ซึ่งเราไม่เข้าใจ

กลางคืนได้มีโอกาสแวะไปเดินทานอาหาร street food ขึ้นชื่อก็จะเป็นพวกอาหารทะเลนั่นเอง สามารถเลือกได้เลยว่าชอบกุ้ง หอย ปลา (ไม่เห็นมีปูนะ) เพื่อให้ทางร้านนำไปปรุงให้ทานร้อนๆ กับข้าวสวย อารมณ์เดียวกับร้านอารในตลาดโต้รุ่งบ้านเรา ราคาก็พอๆ กัน ถ้าใครจะหาซื้อของฝากก็อยู่ตรงบริเวณใกล้ท่าเรือกลางเมืองนั่นเอง

สำหรับที่พักคืนนี้เป็นโรงแรมขนาดค่อนข้างใหญ่ไม่ไกลจากท่าเรือชื่อ CHIILIH HOTEL- Su ao ห้องพักถือว่ากว้างขวางและสะดวกสบายทีเดียวครับ

สำหรับคนที่มองหาของฝากจำพวกขนมพื้นเมือง ลองมาดูได้ที่ Yilan Cake Factory ซึ่งเป็นร้านขนาดใหญ่ มีขนมให้เลือกมากมายหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อคือขนมที่มีลักษณะเหมือนลิ้นวัวเรียกว่า Ox Tongue Cookies (Niu-she-bing) เป็นแป้งกรอบมีให้เลือกหลายรสชาติ หรือขนมมีไส้คล้ายขนมเปี๊ยะบ้านเราก็มีให้ชิมและเลือกซื้อเช่นกัน

บนชั้นสองของร้านจะเป็นห้องกระจกให้ชมกระบวนการผลิตขนมลิ้นวัวตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงบรรจุลงในซองเลยทีเดียว

เยื้องๆ กับโรงงานเค้ก เป็นโรงงานสีเทียนที่เปิดให้เข้าชมด้านในได้เช่นกันแต่มีค่าเข้าชม ผมไม่มีเวลาได้เข้าไปดูด้านในแต่ได้ถ่ายภาพตึกรูปสีเทียนสีสันสะดุดตา ที่ด้านหน้าโรงงานเป็น 7 Eleven ซึ่งตกแต่งธีมเดียวกัน ผมว่านี่น่าจะเป็นสาขาที่น่ารักที่สุดของไต้หวันเลยล่ะ

Kili Bay Pearl Milk Tea Cultural Center
สำหรับคนที่เป็นทาสชาไช่มุกแบบผม รับรองว่าต้องชอบที่นี่เพราะมันคือโรงงานผลิตเมล็ดไข่มุกชื่อดังยี่ห้อ Kili Bay ซึ่งนอกจากจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไข่มุก, อุปรณ์ชงชาและขนมท้องถิ่นแล้ว บนชั้นสองยังมีกิจกรรม DIY สนุกๆ เปิดโอกาสให้เราได้ลองชงชาไข่มุกสูตรดั้งเดิมได้อีกด้วย โดยมีวิทยากรเล่าประวัติความเป็นมาและเกร็ดความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการผลิตเมล็ดไข่มุกของไต้หวันให้ฟังอีกด้วย (การบรรยายเป็นภาษาจีนนะครับ ถ้าไม่มีคนแปลก็คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่) ต้องยอมรับว่าสูตรการชงชาและเมล็ดไข่มุกของที่นี่นั้นรสชาติกลมกล่อมดีจริงๆ

Dongshan Mr. Brown Avenue
อี๋หลานเป็นพื้นที่ปลูกข้าวที่สำคัญ ในเขต Dhongshan จะเห็นนาแปลงเล็กๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างบ้านเรือนเต็มไป แต่ถ้าใครอยากได้ภาพนาข้าวสวยๆ ให้แวะไปที่ Dongshan Mr. Brown Avenue เพราะเป็นแปลงขนาดใหญ่ซึ่งทางการไต้หวันได้จัดให้มีเลนสำหรับปั่นจักรยานและเดินเล่น ที่สำคัญเป็นอีกมุมถ่ายภาพสวยอีกแห่งของอี๋หลานเลยทีเดียว

ขอแนะนำหนึ่งที่พักท่ามกลางแปลงนา เป็น Bed & Breakfast ที่คนท้องถิ่นเป็นเจ้าของชื่อ Yilan Pine Villa Homestay ห้องมีทั้งแบบที่เป็นห้องน้ำในตัวและห้องที่ปูเสื่อแบบญี่ปุ่นและใช้ห้องน้ำด้านนอก … ซึ่งผมชอบบรรยากาศมาก ห้องแต่งได้อย่างน่ารัก แม้จะไม่กว้างขวางนักแต่วิวจากห้องพักนั้นได้บรรยากาศแบบชนบทของอี๋หลานแบบเต็มๆ ใครสนใจลองดูข้อมูลเพิ่มเติมและจองได้ที่ https://www.booking.com/hotel/tw/pine-villa.en-gb.html?aid=922261

อี๋หลานเป็นเมืองที่มีมิวเซียมและ cultural center อยู่หลายแห่งโดยเฉพาะแถบเมือง Luodong แต่ละแห่งก็มี story ที่แตกต่างกันไป บางแห่งเป็นแนวชิคๆ ถูกใจวัยรุ่น บางแห่งก็เป็นแหล่งให้ความรู้สำหรับเยาวชน หรือแบบที่ไปได้ทุกเพศทุกวัยก็มี ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ทางการอี๋หลานได้สร้างสภาพแวดล้อมให้คนท้องถิ่นผูกพันกับวัฒนธรรมดั้งเดิมเชื่อมโยงกับศิลปะและเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนต่างถิ่นไปในตัว

Chung Hsing Cultural and Creative Park
เป็นสวนกลางเมืองที่เป็นอนุสรณ์ความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมการทำไม้ในอดีต ซึ่งไม้ขนาดใหญ่จะถูกลำเลียงมาทางรถไฟ ถ่ายไปเก็บในบ่อพักก่อนนำไปสู่การทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ปัจจุบันรูปแบบของอุตสาหกรรมการทำไม้ได้เปลี่ยนไป บ่อแห่งนี้จึงกลายเป็นบึงขนาดใหญ่รายล้อมด้วยพันุธุ์ไม้ร่มรื่น และหัวรถจักรโบราณ ที่นี่จึงเหมาะกับการพักผ่อนควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์

Chung Hsing Cultural and Creative Park
ตอนแรกก็งงนะตอนมาถึงที่นี่ เพราะดูเผินๆ แล้วมันคือโรงงานร้างชัดๆ ตรงทางเข้าเป็นตึกดูร้างๆ เดินเข้าไปด้านในก็เป็นอาคารร้างหลายหลังอยู่ในบริเวณเดียวกัน เข้าไปใกล้ๆ จึงเริ่มพบว่ามีงาน art แทรกตัวอยู่ตามอาคารเหล่านี้สมกับชื่อ Creative park … สองอาคารใหญ่ด้านในซึ่งเดิมเคยเป็นโรงงานผลิตกระดาษได้ถูกแปลงเป็นสถานที่จัดแสดงงานหัตถกรรมพื้นเมืองที่ดูร่วมสมัย มีกิจกรรม DIY หลายอย่าง และยังสามารถซื้อสินค้าเหล่านั้นกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

National Center for Traditional Arts
ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของอี๋หลานเลย เพราะเป็นแหล่งจัดแสดงผลิตภัณฑ์พื้นเมืองระดับ top การแสดงศิลปะต่างๆ ที่กำลังจะสูญหายไป ภายในพื้นที่เมืองจำลอง และเช่นเคยมีการสอดแทรกมุมถ่ายภาพอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้การเดินชม 2-3 ชั่วโมงไม่มีเบื่อ หรือจะนั่งเรือออกไปชมทิวทัศน์ของแม่น้ำด้านนอกก็ได้เช่นกัน

Dongshan River Water Park
เป็นสวนสาธารณริมน้ำและลานทำกิจกรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเป็นสวนมัลติฟังก์ชัน เพราะนอกจากเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังมีพื้นที่กลางแจ้งที่ใช้จัดกิจกรรมในเทศกาลต่างๆ ซึ่งหมุนเวียนมาจัดอยู่ตลอดปี ายในสวนแบ่งออกเป็นเขตอนุรักษ์ระบบนิเวศ เขตเล่นน้ำ เขตกิจกรรมนันทนาการ รถบัสลอยน้ำ และโรงละครกลางแจ้งเป็นต้น เป็นสวนสาธารณะริมน้ำกลางแจ้งที่มีความสมบูรณ์ที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือจากสวนสาธารณะ ล่องไปตามแม่น้ำตงซันจนถึง National Center for Traditional Arts

Luodong Night Market
เป็นตลาดกลางคืนที่เป็น signature ของอี๋หลาน มีร้านอาหารพื้นเมืองให้เลือกแบบละลานตาให้ได้เลือกชิมอิ่มท้องกันได้ในราคาสบายกระเป๋า หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้าที่นี่ก็มีให้เลือกเยอะเช่นกัน

สำหรับใครที่พักในเขต Loudong ของอี๋หลาน แนะนำให้ลองดูร้านอาหารญี่ปุ่น Pine Gourmet ซึ่งขายอาหารสไตล์ fine dining ที่แต่ละจานประดิดประดอยอย่างสวยงามในราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นหรือไทเป เมนูแนะนำเป็นแบบ set ที่ราคาต่อหัวเพียง 1,280 TWD เท่านั้น กว่าจะทานหมดครบเซ็ตเรียกว่าอิ่มจนพุงกางเลยทีเดียว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pine.Gourmet/ แต่เป็นภาษาจีน ดูภาพกับที่ตั้งร้านก็แล้วกันนะ

แต่เป็นภาษาจีน ดูภาพกับที่ตั้งร้านก็แล้วกันนะ

ที่พักแนะนำในเขต Luodong ชื่อ Shangrila Boutique Hotel Yilan เป็นโรงแรมดีไซน์สไตล์ยุโรป ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งแบบดูดีมีสกุล น้ำร้อนในห้องน้ำของทุกห้องเป็นน้ำแร่ให้แช่ตันกันได้อย่างสบายใจ หรือจะมาใช้บริการบ่อน้ำแร่รวมขนาดใหญ่ของโรงแรมก็ได้เช่นกัน ที่นี่สามารถสวมชุดว่ายน้ำลงได้ไม่ต้องเขินอายเหมือนกับที่ญี่ปุ่น

Highlight ของที่นี่คือโบสถ์กลางน้ำสีขาวสำหรับจัดพิธีแต่งงานแบบคริสต์ เชื่อว่าเป็นบรรยากาศในฝันของคนที่อยากจะแต่งงานแบบคริสต์เลยล่ะ สำหรับค่าใช้บริการสถานที่ก็ไม่ได้แพงมากอยู่ที่หลักหมื่นเท่านั้น ใครสนใจจัดงานพิธีแบบเล็กๆ ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.shang-rila.com.tw/

4 วัน 3 คืนใน “อี๋หลาน” ทำให้เข้าใจว่าทำไมคนไต้หวันจึงเรียกเมืองนี้ว่าเป็นสวนหลังบ้านของไทเป ก็เพราะที่นี่เหมาะเหลือเกินกับการมาพักผ่อน ผู้คนเป็นมิตร ธรรมชาติสวย เป็นแหล่งน้ำพุร้อน มีมิวเซียมที่ทำได้น่าสนใจ อาหารท้องถิ่นหลากหลายรสชาติดีราคาประหยัด ที่สำคัญค่าครองชีพถือว่าถูกกว่าไทเปประมาณหนึ่งเลยทีเดียว … ถ้าจะให้เลือกหนึ่งอย่างที่บ่งบอกตัวตนของอี๋หลานได้อย่างดี ผมคิดว่าเมืองนี้เป็นเมือง art ตัวแม่ … มีการใช้ศิลปะแขนงต่างๆ ผสานกับความดั้งเดิมของเมืองได้อย่างลงตัว มีกิจกรรมพวก DIY เยอะมาก และผู้คนในเมืองนี้ก็ดูเหมือนจะมีความ art อยู่ใน DNA โดยที่เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำ … หากใครที่อยากหนีความจำเจของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในไต้หวัน ลองฉีกออกมาเที่ยวอี๋หลานดูแล้วจะค้นพบว่าเมืองที่เงียบสงบแห่งนี้ มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจรออยู่อีกมากมาย

หมายเหตุ
นอกเหนือจากจุดท่องเที่ยวในตัวเมืองแล้ว การเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวอื่นในอี๋หลาน อาจต้องใช้รถบัสท้องถิ่น ซึ่งอาจมีความไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ … ส่วนตัวแล้วถ้ามากัน 3 คนขึ้นไปผมแนะนำให้เช่ารถพร้อมคนขับมาจากไทเปเลยครับ เพราะค่าใช้จ่ายไม่ได้แพงมากเมื่อหารกัน จะเป็น one day trip เพื่อเก็บเฉพาะในเมืองอี๋หลานและมิวเซียมเก๋ๆ หรือจะพักค้างคืนเพื่อสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติมากขึ้นอีกหน่อยก็ได้เช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจบริการรถช่าพร้อมคนขับ สามารถติดต่อคุณบอลซึ่งเป็นคนไทยในไต้หวันได้ที่ LINE ID nobernnobell หรือ inbox ไปที่เพจ “Family Travel เที่ยวไต้หวัน” ก็ได้ครับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ “อี๋หลาน” สามารถดูได้จากเวปไซต์ทางการที่
https://travel.yilan.tw/th
ข้อมูลในเวปบางส่วนยังไม่มีเวอร์ชันภาษาไทยสามารถดูเป็นภาษาอังกฤษได้ที่
https://travel.yilan.tw/en