Select Page

Ocean Breeze Resort – มุมพักผ่อนริมทะเลเขาหลัก

Sponsor Review

Cover-Ocean-Breeze

คนรักทะเลส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับ “เขาหลัก” เป็นอย่างดี เพราะหากจะเดินทางไปเกาะชื่อดังของอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นสิมิลันหรือตาชัย ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางไปขึ้นเรือแถว ๆ เขาหลักนั่นเอง … นักท่องเที่ยวคนไทยส่วนหนึ่งจะพักที่ภูเก็ต แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อนั่งรถตู้ราวชั่วโมงเศษไปขึ้นเรือ บางคนอาจต้องเจออาการเมารถ และพาลจะเมาเรือตามไปด้วยเพราะพักผ่อนน้อย พอลงเกาะก็ได้เวลาให้อาหารปลาพอดี  ก็อาหารเช้าที่เพิ่งทานมานั่นแหละ 555 แถมหน้าตาอาจหมองคล้ำจากการนอนดึกและต้องตื่น (โคตร) เช้า … จะว่าไปนี่มันคือการพักผ่อนวันหยุดหรือนี่ ???

เฮ้ย อย่าเพิ่งคิดว่าวันนี้ “นายมด” จะมาขายครีมลดรอยดำใต้ตา หรือวิตามินแก้ง่วงนะ  แต่จะบอกว่าหากมีโปรแกรมไปเที่ยวเกาะของพังงาทั้งสองแห่ง ทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าการพักในภูเก็ตคือ การพักค้างคืนที่เขาหลักนี่แหละ  เพราะจากสนามบินภูเก็ตเดินทางมาเขาหลัก บางทีใช้เวลาน้อยกว่าไปยังหาดต่าง ๆ ของภูเก็ตซะอีก โดยเฉพาหาดทางด้านใต้ของเกาะนี่รถติดหนักมาาาาก จากการทำถนนในหลาย ๆ จุด … การเลือกพักที่เขาหลักจึงช่วยประหยัดเวลาและทำให้เรามีเวลาพักผ่อนมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องนั่งรถไปกลับ รวมแล้วกว่า 3 ชั่วโมง … เอาเวลาตรงนั้นไปเสพความสวยงามริมชายหาดเขาหลักกันดีกว่า

นอกจากความสะดวกของการเดินทางไปเที่ยวเกาะต่าง ๆ แล้ว เขาหลักเองก็มีจุดเด่นอื่น ๆ เหมือนกัน อาทิ แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่อยู่ในเขตท้ายเหมือง, กะปง ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก

ในส่วนของชายหาดเขาหลักนั้น อาจไม่ได้ขาวเนียนเหมือนบนเกาะหรือที่ภูเก็ต แต่จะเป็นหาดที่ยาวต่อเนื่องยาวไปหลายกิโลเมตร  แต่ละช่วงแต่ละตอนอาจตั้งชื่อต่างกันไป  อย่างไรก็ตามสามารถเดินเล่นจากหาดหนึ่งไปยังอีกหาดได้โดยไม่มีการแบ่ง ไม่ว่าโรงแรม 3 ดาว 5 ดาวก็ใช้หาดตรงนี้ร่วมกัน นอกจากนี้จะไม่มีการจับจองพื้นที่บนชายหาดหรือนำร่มและเตียงมาวางเต็มหาดเหมือนในภูเก็ต ทำให้ชายหาดดูกว้างขวางโล่งสบายตามาก ๆ

วันนี้ขอแนะนำอีกหนึ่งรีสอร์ทเล็กๆ ริมทะเลเขาหลักที่ห้องพักสวย ทำเลเหมาะกับการเป็นฮับสำหรับเดินทางไปเที่ยวเกาะ  ที่พักแห่งนี้ชื่อ “Ocean Breeze Resort Khaolak” ตั้งอยู่บนหาดนางทองซึ่งถือว่าเป็นหาดต้น ๆ ไม่ไกลจากท่าเรือทับละมุที่เป็นจุดขึ้นเรือไปเกาะต่าง ๆ … ถ้าเดินทางมาจากภูเก็ตเมื่อผ่านด่านตรวจที่อุทยานแห่งชาติเขาหลักแล้ว  ก็ขับรถลงเนินมาจนเจอแยกแรกที่มีสัญญาณไฟจราจร  ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนางทอง ขับไปจนสุดถนนแล้วเลี้ยวขวาไปอีกราว 250 เมตรก็จะเจอรีสอร์ทอยู่ฝั่งซ้ายมือ

โถง lobby ของโรงแรมอยู่ติดกับถนนเป็นอาคารสีขาวสังเกตุง่าย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อารมณ์ทะเล โทนสีฟ้าสวยสบายตา  มีที่จอดรถด้านใน 4-5 คันหรือจะจอดรถถนนก็ได้เช่นกัน

ถึงแล้วครับ อาคารสีขาว ๆ นี่แหละ… lobby ก็อยู่ตรงชั้นล่างเลย  บรรยากาศกลางวันกับกลางคืนสวยไปคนละแบบ

OceanBreeze-74

OceanBreeze-53

OceanBreeze-54

สำหรับห้องพักจะมีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นแบบ Bungalow, Superior, Deluxe, Suite รวมถึง Family room  … ผมพักที่ตึกใหม่ซึ่งห้องพักอยู่ชั้นล่างเป็นแบบ Jacuzzi Suite ดีไซน์สไตล์เดียวกับ  Lobby ในโทนฟ้าขาว  ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย มี sofa bed ขนาดใหญ่  ห้องน้ำสวย และมีอ่าง Jacuzzi ขนาดใหญ่หลังห้อง

ห้องพักแบบ Jacuzzi Suite ของผม … สวยมะ

OceanBreeze-7

OceanBreeze-6

OceanBreeze-56

เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้ชมห้องพักในตึกอื่นรวมถึงที่เป็น Bungalow เพราะเต็มหมดเลย  แต่เท่าที่ดูจากเวปก็จะออกแนวไทยมากกว่าแบบที่ผมพัก น่าจะเหมาะกับฝรั่งมากกว่า  ผมว่าคนไทยน่าจะชอบห้องสไตล์ที่ผมพักนี่แหละ  ซึ่งในตึกนี้จะมีดีไซน์คล้ายคลึงกันหมดทั้งคือ Deluxe, Jacuzzi Suite และ Family room  ส่วนราคาห้องพักแบบ Jacuzzi Suite ที่ผมพัก  ในช่วงหน้า low อยู่ที่ 3,000 บาทถือว่าไม่แพงนะครับ  หากเป็นห้องแบบ Deluxe ที่ดีไซน์เหมือนกันแต่ไม่มี  Jacuzzi ราคาก็แค่ 2,000 เอง  ส่วนบังกะโลจะเริ่มต้นที่ 1,200 บาทเท่านั้น  ทั้งนี้ช่วง high season และเทศกาลต่าง ๆ ราคาก็คงขยับไปตามปริมาณนักท่องเที่ยวครับ  ยังไงก็เช็คได้ที่  website ของทางรีสอร์ทเลย

มีอีกห้องที่อยู่ตึกเดียวกันและผมได้เข้าไปชมตอนจัดห้องพัก เลยเก็บภาพมาด้วย  เป็นแบบ Family Room จริง ๆ แล้วคล้ายกับห้องพักของผม เพียงแต่มี 2 ห้องต่อกันเป็น  connecting room โดยมีที่นั่งเล่นหน้าห้อง … ห้องนี้อยู่บนชั้นสูงสุดของตึกจึงมองเห็นวิวทะเลด้วย

OceanBreeze-71

OceanBreeze-67

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นนะครับว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ ดังนั้นเดินจากห้องพักของผมซึ่งอยู่ไกลหาดที่สุดแล้วก็แค่ 100 เมตรเห็นจะได้  เรียกได้ว่าทะเลอยู่แค่เอื้อม  หากพักที่บังกะโลก็จะใกล้กว่านี้อีก … ทั้งนี้ที่ริมทะเลจะมีห้องอาหารของรีสอร์ท  sun bed และร่มชายหาดอยู่ข้าง ๆ กัน  ถัดเข้ามาด้านในเล็กน้อยเป็น bar อยู่ใกล้ ๆ กับสระว่ายน้ำและที่นั่งพักผ่อน ที่เหมือน library เล็ก ๆ

OceanBreeze-20

OceanBreeze-11

OceanBreeze-10

OceanBreeze-9

OceanBreeze-43

บริเวณโดยทั่วไปของรีสอร์ทก็ร่มรื่นดีครับ แม้จะเป็นหน้าร้อนก็ตามยังไม่รู้สึกว่าแห้งแล้งเลย   สำหรับทะเลด้านหน้ารีสอร์ทจะมีแนวโขดหิน  ทำให้ถ่ายภาพแล้วดูสวยดีมี object ให้เล่น  ถ้าจะเล่นน้ำก็ไม่ต้องกลัวครับเพราะโขดหินมีเป็นหย่อม ๆ มีจุดที่เล่นน้ำได้สบาย หรือเดินไปอีกหน่อยก็เป็นทะเลเต็ม ๆ ไม่มีโขดหินแล้ว

ห้องพักแบบบังกะโล

OceanBreeze-41

landscape ทำได้ดีครับ ดูสดชื่นดีและเรียบร้อยไม่รกเกิน

OceanBreeze-38

บรรยากาศช่วงเย็น ๆ พระอาทิตย์ตกสวยงามมาก

OceanBreeze-61

OceanBreeze-25

สำหรับ highlight ของที่นี่ผมยกให้เป็นห้องอาหารครับ นอกจากบรรยากาศดีแล้ว  อาหารยังอร่อยด้วย  มื้อเช้าอาจธรรมดาเป็น breakfast แบบทั่วไป ๆ  แต่สำหรับมื้อเที่ยงอยากแนะนำอาหาร India ครับ  ผมเองก็เรียกไม่ค่อยถูก แต่พอสั่งมาแล้วมันคล้ายโรตีน้ำแกง เป็นแผ่นแป้งที่ทานคู่กับน้ำแกงหลากหลาย รสชาติเหมือนพวกมัสมั่นหรือแกงกะหรี่   นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเนื้อต่าง ๆ ที่คลุกเครื่องเทศก่อนนำไปย่างแล้วทานร้อน ๆ อร่อยถูกปากเช่นกัน

ส่วนมื้อค่ำแนะนำเป็น seafood ครับ  เลือกได้เลยว่าอยากทานอะไร  วัตถุดิบก็สด ๆ มาจากท้องถิ่นเลย (อาหารทะเลสดบางส่วนที่ภูเก็ตก็สั่งจากแถบนี้นั่นแหละ)  บรรยากาศมื้อค่ำริมทะเลบอกได้คำเดียวว่า “ฟิน”

นอกจากวิวดีแล้ว อาหารยังรสชาติถูกปากด้วยทั้งอาหาร india และ seafood (ภาพ seafood อาจไม่สวยนะครับ ตอนถ่ายมันมืดมาก มัวแต่เก็บบรรยากาศของแสงเย็น)

OceanBreeze-27

OceanBreeze-28

OceanBreeze-47

OceanBreeze-22

สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

OCEAN BREEZE RESORT