Select Page

ไปดูกัน … มีอะไรที่นาขั้นบันได ทำไมคนถึงดั้นด้นไปกันไม่ขาดสาย

สวัสดีครับเพื่อน ๆ … หน้าฝนแบบนี้คนชอบถ่ายภาพแบบผมก็มักจะมีอาการคันไม้คันมือ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสนำกล้องออกมาตากแดดรับวิตามันดีเลย เก็บไว้ในตู้นาน ๆ กลัวเหมือนกันว่าจะได้เลนส์ soft มาใช้โดยมิได้ตั้งใจ หุหุ … งานนี้เลยเกิดปฏิบัติการหาจุดหมายเพื่อดำรงไว้ซึ่งคุณภาพของอุปกรณ์ถ่ายภาพ (ว่าไปนั่น … ที่จริงก็หาเรื่องเที่ยวนั่นแหละ อิอิ) …

ไอ้ผมก็เป็นชาวเกาะแถมเพิ่งมีทริปเล็ก ๆ ไปกระบี่เมื่อเดือนที่แล้ว งานนี้เลยมองหาจุดหมายที่เป็นป่าเป็นเขาบ้าง แต่ที่สำคัญต้องเดินทางสะดวกหน่อยเพราะวันหยุดวันลาแทบไม่เหลือแล้ว ขืนลามากเกินเจ้านายอาจให้ลาออกไปรู้แล้วรู้รอด … สุดท้ายก็เลยเลือกเชียงใหม่เพราะคุ้นเคยที่สุด แถมเดินทางจากภูเก็ตค่อนข้างสะดวกเพราะมีสายการบินให้บริการเยอะแยะ แต่เนื่องจากตัดสินใจกระชั้นชิดไปหน่อย ตั๋วของบางสายการบินราคาสูงปรี๊ด ทริปนี้จึงตกลงปลงใจกับ Nok Air เพราะราคาไม่แรงและไม่ต้องพะวงเรื่องกระเป๋ากับอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ผมจะต้องแวะไปรับเพิ่มเติมที่กรุงเทพฯ ด้วย อิอิ …

จัดไปครับ จองแบบจินจวนมาก ราคาประมาณนี้ต่อเที่ยวรวมกระเป๋าและของว่างถือว่าไม่แพง

Screen Shot 2557-09-23 at 10.25.24 PM

ทริปถ่ายภาพครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งใด ๆ คือจะเอากล้อง DSLR ไป 2 ตัวคือ Nikon D7000 ของตัวเองกับ D610 ที่หยิบยืมมาเพื่อเปรียบเทียบว่า DX format กับ FX full frame มันให้ความรู้สึกในการถ่ายภาพและผลงานแตกต่างกันขนาดไหน (ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขยับไป Full frame ดีหรือไม่) แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืองานนี้ได้แบกอุปกรณ์กันหลังอานชัวร์ เพราะนอกจากกล้อง 2 ตัวแล้วยังมีเลนส์อีก 5 ตัว ไปรอบนี้เข้าใจเลยว่าช่างภาพอาชีพเขาอึดขนาดไหนตอนแบกอุปกรณ์ระดับโปรไปท่องเที่ยว … เอิ๊ก

สำหรับการเตรียมตัวนั้น ผมลอง search หาข้อมูลดู กลางฤดูฝนแบบนี้มีแต่คนพูดถึง “นาขั้นบันได” ที่อำเภอ “แม่แจ่ม” ซึ่งผมเองยังไม่เคยไป และช่วงนี้น่าจะกำลังเขียวขจีสวยงามทีเดียว … ทริปนี้จึงถูกวางแผนว่าจะใช้เวลา 3 คืน 4 วัน โดยพักในเมืองเชียงใหม่ที่ “Dusit D2” คืนแรกกับคืนสุดท้ายเพื่อเที่ยว Night bazaar กับถนนคนเดิน ส่วนคืนที่สองพักที่ “เฮือนแรม แจ่มเมือง” ในตัวอำเภอแม่แจ่ม … สำหรับการเดินทางใช้วิธีการขับรถเองเหมือนทุกทริปที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ใช้รถของ Thai Rent A Car ซึ่งมีเคาร์เตอร์บริการในสนามบินเชียงใหม่เลย …

เนื่องจากเวลากระชั้นชิดและงานเต็มไม้เต็มมือทำให้ข้อมูลที่เตรียมไปสำหรับทริปนี้ค่อนข้างหยาบมาก เมื่อไปถึงจริง ๆ ก็เลยมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากมาย … ตามไปดูกันเลยครับว่ากว่าจะได้สัมผัสนาขั้นบันได ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

วันแรกของการเดินทาง ออกจากภูเก็ตช่วงเช้า ซึ่งผมได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนเช็คอินท์ที่ภูเก็ตว่าต้องต่อไฟลท์ไปเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ก็แสนใจดีช่วยอำนวยความสะดวกจัดรถไปรับตอนลงเครื่องรวมถึงไปส่งที่ gate ด้วย เพราะเวลาค่อนข้างจินจวน หากต้องผ่านกระบวนการตามปกติอาจทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นต้องรอ ดังนั้นเพื่อน ๆ มีไฟลท์ต่อเนื่องกันแบบนี้อย่าลืมแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบนะครับ เผื่อจะได้นั่งรถพิเศษแบบผมบ้าง อิอิ

Check in แต่เช้า  คิวไม่ยาวครับ

Chiangmai-1

เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้นั่งส่วนหน้า Premium seat

IMAG0573

 

อันนี้เป็นของว่างบนเครื่องครับ เดี๋ยวไปลุ้นกันว่า flight BKK-CNX จะเหมือนกันไหม อิอิ

IMAG0578

เจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกรับถึงที่่ และช่วยจัดการเรื่องกระเป๋าให้สามารถรับได้เป็นคนแรก ๆ (นับเป็นประสบการณ์สุดพิเศษจริง ๆ) เลยมีเวลาเหลือมานั่งเล่น Free WIFI ได้อีกแป๊ปก่อนขึ้นเครื่อง

เย้ ๆ ของว่างไม่เหมือนกันครับ  นับเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าชื่นชมของน้อง Nok จริง ๆ

IMAG0595_1

ชมวิวก่อนถึงเชียงใหม่กันหน่อย … เครื่องใกล้จะลงแล้ว ถ่ายเสร็จต้องรีบปิดเครื่อง ^ ^

IMAG0591

เมื่อเดินทางถึงเชียงใหม่ก็ติดต่อรับรถที่ counter ของ Thai Rent A Car ซึ่งหาง่ายครับ เดินออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้ามองมาทางซ้าย เห็นเด่นชัดอยู่ใกล้กับประตูทางออกที่ 1 เลย … จัดการเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อย รับน้ำดื่มกับพวงกุญแจที่ระลึกเสร็จ รถก็มาถึงพอดี … ผมถ่ายภาพสภาพรถไว้อ้างอิงเหมือนที่ทำเสมอ เผื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดปัญหา ทั้งนี้รถของทริปนี้เป็น Mitsubishi Pajero Sport เพราะทราบมาว่าเส้นทางไปสู่นาขั้นบันไดบางจุดของแม่แจ่มนั้นลำบากจนไม่สามารถนำรถเก๋งซีดานไปได้ … โดยรถคันที่ได้สภาพค่อนข้างใหม่ทีเดียวครับ (แอบกลัวว่าตรูจะเอารถเขาไปเจิมป่าวว้า 555)

เคาท์เตอร์หาง่ายมากครับ  อยู่ติดทางออกที่ 1 เลย

Chiangmai-2

รถสำหรับทริปนี้ครับ Pajero sport

Chiangmai-3

น้ำดื่มติดรถ อิอิ

IMAG0670

รับรถแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พักคืนแรกที่ Dusit D2 ซึ่งอยู่ติด ๆ กับ Night Barzaar เป้าหมายแรกของผมคืนนี้เลย เรียกได้ว่าเดินออกจากโรงแรมไป 50 เมตร ก็เริ่ม shopping ได้แล้ว ถูกใจคุณภรรยา 555 … check in เสร็จก็ถือโอกาสเก็บภาพมุมต่าง ๆ ของ Dusit D2 มาฝากครับ … Lobby โอ่โถงมากในโทนสีขาว ตัดกันกับของประดับตกแต่งสีสันสดใส

Chiangmai-38

อันนี้ห้องพักครับ เป็นแบบ Deluxe  ขนาดกำลังดีไม่เล็ก ไม่ใหญ่มาก .. เตียงกว้าง มีโซฟาให้นั่งเล่น

Chiangmai-4

วันที่ผมไปถึงเป็นวันศุกร์มี Friday Steak Night Buffet ที่ห้องอาหาร Moxie ของโรงแรม ก็เลยขอลองหน่อย … สำหรับ meat lover ผมว่าคุ้มมากสำหรับราคา 599 บาท …

Chiangmai-64

Chiangmai-66

Chiangmai-69

Chiangmai-67

บรรยากาศห้องอาหาร Moxi ของ Dusi D2 และอาหาร

เติมพลังเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดิน shopping ย่อยอาหารที่ Night Bazaar อิอิ ต้องขออภัยครับที่ไม่มีภาพบรรยากาศมาฝากเพราะไม่ได้ติดกล้องออกไปเดินให้เป็นภาระการ shopping 555

เช้าวันรุ่งขึ้นเริ่มต้นด้วย Breakfast ที่โรงแรมกับกาแฟลาเต้ร้อน ๆ ก่อนออกเดินทาง … ถือโอกาสเอาเลนส์ manual อายุอานามเกิน 20 ปี 50 f1.4 มาสวม D610 ดูครับ … โอ้วแม่เจ้า dof สวยจริง ๆ

สำหรับเส้นทางสู่อำเภอแม่แจ่มนั้น มี 2 ทางเลือกหลัก ๆ คือใช้เส้นทางที่ผ่านดอยอินทนนท์ และ ผ่านอำเภอฮอด … เพื่อให้ได้อรรถรสของทิวทัศน์ระหว่างทางที่หลากหลาย ผมจึงเลือกใช้เส้นทางผ่านดอยอินทนนท์สำหรับขาไป และเลือกผ่านฮอดในขากลับ (ระยะทางของเส้นที่ผ่านดอยอินทนนท์นั้นสั้นกว่า แต่ก็ใช้เวลาไม่ต่างกับเส้นที่ผ่านอำเภอฮอดเพราะฝังอินทนนท์ถนนจะลาดชันกว่า)

ภาพนี้แวะถ่ายทุ่งนาแห่งหนึ่งตรงข้ามปั้มน้ำมัน เป็นครั้งแรกที่ได้ลอง D610 คู่กับ Nik 70-200 f4 สิ่งที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างจากเจ้า D7000 ตัวเก่งของผมคือความแม่นยำในการโฟกัสมากกว่า

D610-6

D610-8

จากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับแบบสบาย ๆ ราวชั่วโมงเศษก็ถึงด่านแรกทางขึ้นดอยอินทนนท์ เมื่อแจ้งว่าจะไปอำเภอแม่แจ่มก็ผ่านฉลุยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม … จากจุดนี้รถค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นทีละนิด วิวสองข้างทางก็เขียวชอุ่มร่มรื่นสมกับเป็นช่วงหน้าฝนจริง ๆ … ผมมาอินทนนท์ทีไรมักเจอแต่ใบไม้สีน้ำตาลเพราะเป็นช่วงหน้าหนาวทุกครั้ง คราวนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นอีกหนึ่งบรยยากาศอันชุ่มชื่นของอุทยานแห่งนี้

อีกบรรยากาศที่ผมไม่เคยเห็นของอินทนนท์

DCIM137GOPRO

ขับมาได้สักพักผมแวะเข้าไปถ่ายภาพที่น้ำตกวชิรธารซึ่งเป็นทางผ่าน ที่นี่เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ แต่ความยากที่สุดของการถ่ายภาพเจ้าน้ำตกแห่งนี้ก็คือละอองน้ำที่มักจะเกาะหน้าเลนส์จนแทบไม่สามารถบันทึกภาพได้ แถมจะพาลทำให้ละอองน้ำเข้าตัวกล้องได้อีกด้วย ผมพยายามอยู่พักใหญ่แต่ได้ภาพที่พอใช้ได้เพียงไม่กี่ใบเท่านั้น งานนี้จีงขอยอมแพ้เพราะไม่อยากเอากล้องทั้งสองตัวไปเสี่ยง อิอิ

Chiangmai-84

Chiangmai-79

อีกอย่างการถ่ายภาพน้ำตกในวันที่แสงแดดจัดนั้นยากต่อการควบคุมแสงมากครับ เพราะสายน้ำที่มีแสงตกกระทบจะสว่างกว่าบริเวณซอกหินหรือร่มไม้เอามาก ๆ … ส่วนตัวผมชอบถ่ายภาพน้ำตกวันที่ไม่ค่อยมีแดดมากกว่า ที่สำคัญแดดจัดเกินไปไม่สามารถลด speed ลงต่ำเพื่อให้น้ำเป็นสายนุ่มนวลได้มากนัก

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าทริปนี้เดินทางแบบค่อนข้างกะทันหัน ไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก ข้อมูลที่หาไว้ก็ save ไว้ใน favorite ของ browser และบางส่วนเก็บไว้ใน dropbox ซึ่งกะว่าต้องการใช้เมื่อไหร่ค่อยเปิดดู … แต่แม่เจ้า…ลืมคิดไปเลยว่าเรากำลังมาเที่ยวเขาเที่ยวดอย ซึ่งทั้งผมและแฟนใช้ DTAC ทั้งคู่ … ขนาดตรงตัวน้ำตกวชิรธารยังไม่มีสัญญาณเลย ใจเริ่มเสียเล็กน้อยกลัวหลงทาง แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่าคงพอสอบถามเส้นทางได้หากคับขันจริง ๆ

ผมขับเลยจากน้ำตกวชิรธารมาไม่ไกล ก็ถึงแยกทางเข้านาขั้นบันไดแม่กลาง แต่ฝนเริ่มตกปรอย ๆ จึงตัดสินใจหยุดถ่ายภาพที่ปากทางเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วมุ่งหน้าต่อไปแม่แจ่มทันที เพราะอยากให้เวลากับนาขั้นบันไดที่โน่นมากกว่า

นาขั้นบันไดปากทางเข้าแม่กลาง

D610-14

D610-11

เลยจากทางเข้าบ้านแม่กลางไม่ไกลก็ถึงด่านที่ 2 ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จากจุดนี้หากตรงขึ้นไปก็จะเป็นยอดดอยอินทนนท์ซึ่งน่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ส่วนผมบอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปแม่แจ่ม เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้เลี้ยวซ้ายตรงแยกใกล้ๆ ด่านนั่นเอง … จากจุดนี้ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางลงเขา ผ่านป่าแน่นทึบบ้าง ป่าโปร่งบ้าง เกือบตลอดของเส้นทางระหว่างลงเขาแทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย โชคดีที่มีป้ายบอกทางไปแม่แจ่มเป็นระยะจึงไม่ต้องกลัวหลงทาง

ระหว่างทางมีวิวสวย ๆ ให้เก็บภาพเป็นระยะ

D610-16

D610-17

มาถึงตรงนี้ ความลับเล็ก ๆ อย่างนึงของนาขั้นบันไดอันโด่งดังที่อำเภอแม่แจ่มซึ่งผมอยากบอกคือ ชื่อนาขั้นบันได “ป่าปงเปียง” ที่หลาย ๆ คนเรียกกันติดปากนั้นไม่ถูกต้องครับ … ผมเองคุ้นเคยกับชื่อนี้เช่นกัน แต่มาทราบภายหลังว่าชื่อที่ถูกต้องคือ “ป่าบงเปียง” ครับ .. ซึ่งชื่อนี้ก็มาจากชื่อหมู่บ้านป่าบงเปียงนั่นเอง … สำหรับเส้นทางจากดอยอินทนนท์สู่อำเภอแม่แจ่มนั้นสามารถแยกไปนาขั้นบันได “ป่าบงเปียง” ได้เช่นกัน แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมไม่มีสัญญาณเลย จึงไม่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการเดินทางที่เก็บไว้ใน dropboxได้ ผมจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะใช้เส้นทางนี้ ก็เลยเลือกที่จะเข้าไปตั้งหลักจากตัวอำเภอแม่แจ่มก่อนดีกว่า

ก่อนถึงตัวอำเภอแม่แจ่มเล็กน้อย ผมก็เห็นที่พัก “เฮือนแรม แจ่มเมือง” อยู่ทางซ้ายมือ แอบดีใจที่ไม่ต้องหาให้วุ่นวาย แต่ผมเห็นว่าเพิ่งจะบ่ายอ่อน ๆ จึงเลยไปเที่ยวนาขั้นบันไดแห่งแรกของทริปนี้เลยดีกว่า … นาขั้นบันไดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านกองกาน ซึ่งห่างออกไปจากตัวอำเภอแม่แจ่มไม่ไกลนัก ทั้งนี้พอถึงตัวเภอแม่แจ่มผมก็เลย download แผนที่คร่าว ๆ มาเก็บไว้ในเครื่องก่อนเลย เพราะไม่มั่นใจว่าเลยตัวอำเภอออกไปจะมีสัญญาณโทรศัพท์หรือไม่ (ขอขอบคุณแผนที่แม่แจ่มจากร้านลุงแดงครับ)

นาข้าวระหว่าทางไปบ้านกองกาน

D610-22

D610-24

ผมตามลายแทงในแผนที่มาก็สามารถึงนาขั้นบันไดที่หมู่บ้านกองกานได้อย่างไม่ยากเย็นนัก … ท้องนาที่นี่กำลังเขียวขจีสดชื่นมาก ๆ …

D610-25

D610-28

D610-30

เป็นครั้งแรกที่ได้ลองเลนส์ wide ไวแสง อย่าง 14-24 f2.8 ถ่ายภาพบุคคลด้วย Full frame ซึ่งให้ภาพที่ perspective ดูน่าสนใจ แต่ละลายหลังได้เหมือนเลนส์ tele … มันทำให้การถ่ายภาพบุคคลสนุกขึ้นอีกเยอะเลย ข้อควรระวังคือต้องพยายามวางแบบไว้กลางภาพโดยเฉพาะเมื่อใช้มุมกดหรือมุมเงยมาก ๆ เพราะหากอยู่ริมจะทำให้สัดส่วนดูเพี้ยนมากเกินไปจาก perspective ของเลนส์

DSC_0818

DSC_0815
ขับเลยเข้าไปอีกหน่อยก็เป็นหมู่บ้านกองกาน และขับไปอีกเรื่อย ๆ ก็พบอีกมุมนึงที่เห็นความเป็นนาขั้นบันไดชัดเจนในมุมด้านข้าง

D610-44

D610-47D610-49

หลังจากจุดนี้ผมลองขับเลยไปอีกพอสมควร มีมุมที่พอเก็บภาพได้อีกมุม แต่เลยจากจุดนี้ไปก็ไม่มีมุมเหมาะ ๆ แล้ว (เว้นเสียแต่ว่าผมหาไม่เจอ อิอิ)

D610-50

D610-51

เสร็จภารกิจจากปฏิบัติการตามล่านาขั้นบันไดแห่งแรกเรียบร้อย ผมก็ย้อนกลับเข้าเมืองเพื่อไปเช็คอินน์ที่บ้านพักก่อน เพราะหลังจากโอนเงินค่าจองแล้วก็ไม่ได้ติดต่อเจ้าของบ้านอีกเลยเพราะยุ่งมาก กลัวว่าถ้าเดินทางไปไกล ๆ ทางเจ้าของติดต่อไม่ได้จะยกห้องพักให้คนอื่นซะ อิอิ

จะว่าไป “เฮือนแรม แจ่มเมือง” ก็เป็นที่พักสไตล์ Bed & Breakfast แบบที่ผมเลือกใช้เสมอตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ลักษณะเป็นการแบ่งห้องให้เช่า ของที่นี่ก็ดูเป็นสัดส่วนดี ห้องที่ผมพักจะแยกออกจากเรือนหลักของเจ้าของบ้าน โดยมีทางเดินไม้เชื่อมต่อกัน บรรยากาศเป็นบ้านที่ตกแต่งอย่างร่มรื่น ดูสะอาดสะอ้าน แต่ไม่มีทีวีให้ดูนะครับ ใครติดละครอาจจะต้องคิดหนัก หรือไม่ก็ต้องไปขอคุณพี่เจ้าของบ้านดู อิอิ
บรรยากาศบ้านพักที่ “เฮือนแรม แจ่มเมือง”

บรรยากาศที่พักของผมที่แม่แจ่มคืนนี้

D610-152

D610-153

หลังจากผมนำสัมภาระต่าง ๆ เก็บในห้องพักแล้ว ก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายหลักของทริปนี้ “นาขั้นบันไดป่าบงเปียง” .. และแน่นอนว่า ไม่ลืมที่จะ capture หน้าจอรายละเอียดการเดินทางที่ทางรีสอร์ทมนต์เมืองแจ่มทำไว้ให้ตาม link นี้ (ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)

ผมเดินทางไปตามเส้นทางที่แนะนำ ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างชัดเจนมากครับ … ช่วงท้าย ๆ เป็นทางลูกรังที่ค่อนข้างวิบากเอาการ ยังดีที่ผมใช้รถ SUV ก็เลยผ่านไปได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าเป็นเก๋งซีดานล่ะก็ไม่แนะนำครับ เพราะถนนบางช่วงเป็นร่องลึก โดยเฉพาะช่วงที่ยังมีฝนนี่หลาย ๆ จุดมีน้ำขังทำให้รถติดหล่มได้ง่าย ๆ … ถ้าจะให้แนะนำคือมอเตอร์ไซด์ครับ อาจจะนั่งไม่สบายนักแต่ผ่านได้แน่ ไม่ต้องหวาดเสียวกับการขับผ่านบางช่วงที่มีต้นไม้ล้มหรือหินถล่มมาเกะกะถนนด้วย หรืออีก option นึงที่ดีไม่แพ้กันคือเช่ารถของชาวบ้านเข้ามาครับ จะได้ไม่ต้องพะวงกับเส้นทาง … แต่ทำไงได้ ด้วยความที่อยากขับรถเอง (ตามประสาช่างภาพจอมแวะ) แถมเคยขับเส้นทางวิบากขึ้นเขาแม่ตะมานมาแล้ว งานนี้ก็เลยที่จะลุยเอง นี่ถ้าให้ไปอีกรอบคงต้องคิดหนักเหมือนกันว่าจะยังขับไปเองเหมือนเดิมไหม หุหุ

วิวและวิถีชีวิตระหว่างทางสู่นาขั้นบันไดป่าบงเปียง

D610-52

D610-54

 

D610-58

ใกล้ถึงบ้านป่าบงเปียง เริ่มเป็นทางตามไหล่เขา

D610-59

D610-62

D610-64

D610-65

หลังจากลุยเส้นทางวิบาก ผ่านถนนแคบ ๆ ที่บางช่วงต้องลุ้นว่าจะมีรถสวนไหมได้สักครู่ใหญ่ ก็เจอกับจุดชมวิวและถ่ายภาพจุดแรกของนาขั้นบันไดป่าบงเปียงครับ สวยจนลืมความกลัวไปเลย (ชั่วขณะ)

D610-70

D610-73

D610-75

จากจุดนี้มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน ด้านซ้ายเป็นทุ่งนาขั้นบันได ด้านขวาเป็นแปลงปลูกพืชไร่หลากชนิด สีสันและขนาดแปลงที่ต่างกันทำให้เกิดลวดลายที่สวยงามมาก

ปัญหาที่เจอสำหรับการถ่ายภาพนาขั้นบันไดป่าบงเปียงในช่วงเย็นคือเป็นการถ่ายภาพย้อนแสงเกือบตลอด ซึ่งทำให้ contrast ของแสงบริเวณท้องฟ้ากับผืนป่าและนาด้านล่างต่างกันอย่างมาก ทางเลือกที่ดีคือใช้ filter graduate ครึ่งเทาช่วยลดแสงบริเวณท้องฟ้าลง หรือไม่อาจต้องใช้ขาตั้งกล้องเพื่อเก็บแสงคร่อม over และ under แล้วนำไป blend ภายหลังในขั้นตอน post process … แน่นอนว่าแบบแรกจะคล่องตัวและสะดวกกว่าครับเพราะไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องแต่ก็ต้องหาซื้อ filter ดังกล่าวซึ่งตัวที่คุณภาพดี ๆ ก็ราคาค่าตัวแพงพอ ๆ เลนส์ kit เลยทีเดียว … สำหรับผมไม่มีฟิลเตอร์ก็ใช้ขาตั้งกล้องบ้างเป็นบางภาพ แต่ที่แน่ ๆ คือถ่ายด้วย format RAW เพื่อให้สามารถนำไป process ได้สะดวกในภายหลัง

ยังไม่จบภารกิจครับ ผมขับเลยเข้าไปอีกหน่อย และดูเหมือนว่าเส้นทางจะยิ่งโหดร้ายกว่าเดิม … ขับไปกลั้นหายใจไปอีกอึดใจใหญ่ ๆ เราก็มาถึงมุมสวยอีกแห่งของนาขั้นบันได จุดนี้เห็นนาข้าวผืนใหญ่อยู่ตรงหน้า มองไปไกล ๆ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีนักท่องเที่ยวเดินกันอยู่หลายกลุ่ม มีเข้ามาสอบถามทักทายเพราะต่างคนต่างก็ไม่แน่ใจว่าถึงหรือยัง 555

สภาพเส้นทาง ณ จุดชมวิว

DCIM137GOPRO

ช่วงเย็นแบบนี้การถ่ายภาพจะย้อนแสงนิด ๆ ทำให้นาข้าวยิ่งดูสวยงามขึ้น เพราะแสงบางส่วนที่ผ่านใบข้าวมานั้นจะทำให้เกิดสีเขียวอ่อนอมเหลืองงดงามมาก ดังนั้นหากต้องเลือกว่าจะมาถ่ายภาพช่วงเวลาไหน ผมอยากแนะนำให้มาช่วงบ่าย-เย็นครับเพราะจะได้แสงที่สวยงามหากมองจากบนถนน ถ้าโชคดีเกิดแสงเทพเป็นลำในช่วงเย็นด้วยล่ะก็ยิ่งงดงามขึ้นไปอีก ..

D610-77

D610-78

D610-85

แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่มาในช่วงเช้าก็อาจได้เจอบรรยากาศนาข้าวท่ามกลางสายหมอกก็คงงดงามไปอีกแบบครับ

แม้ว่าจุดนี้เป็นจุดที่สวยงามมาก แต่ผมยังรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่จุดที่เคยเห็นในภาพถ่ายบางภาพ จึงตัดสินใจขับรถต่อไปอีก ไม่ไกลนักก็เจอป้ายหมู่บ้าน “ป่าบงเปียง” ผมเลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเข้าหมู่บ้านแล้วขับเลยต่อไป เส้นทางเป็นถนนลูกรังแคบ ๆ ที่ค่อนข้างชื้นแฉะ เลยไปอีกหน่อยก็เริ่มมองเห็นป่าโปร่งมุ่งตรงไปเทือกเขาด้านหน้าที่ไม่มีวี่แววของนาขั้นบันได ผมเริ่มเห็นว่าคงไม่มีจุดสวย ๆ อื่นอีกแล้วจึงตัดสินใจหาที่กลับรถ (ซึ่งก็เล่นเอาเหงื่อตกเพราะหายากเหลือเกิน)

ทิวทัศน์เลยจากหมู่บ้านบงเปียงไปเล็กน้อย

D610-105

D610-107

เส้นทางแคบ ๆ บางช่วงชื้นแฉะเสี่ยงต่อการติดหล่ม

ที่กลับรถ ดีใจแทบแย่ที่หาเจอ

D610-114

จากนั้นขับรถกลับมายังจุดเดิม เพื่อบันทึกแสงสุดท้ายของวันที่กำลังงดงามได้ที่ … รอบนี้ผมเดินลงไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ระหว่างข้าวแต่ละแปลงเพื่อเก็บภาพในมุมที่ห้อมล้อมด้วยนาข้าวบ้าง

D610-125

ช่วงนี้สะพายกล้อง 2 ตัว หนักคอโคตร ๆ เลย แต่ก็ทน เพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์บ่อย ๆ ตัว D7000 ติดเลนส์ 70-200 f4 ส่วน D610 ติด 14-24 f2.8

D610-127

เนื่องจากสภาพแสงเริ่มน้อยจนต้องใช้ขาตั้งกล้องซึ่งมีอยู่ตัวเดียว ช่วงหลัง ๆ จึงใช้เฉพาะ D610 กับ Nik 14-24 f2.8 nano เท่านั้น

D610-128

D610-129

D610-130

กว่าผมจะเดินทางกลับก็มืดแล้ว ขากลับจึงเป็นอะไรที่ลุ้นไปอีกแบบเพราะเส้นทางที่ยากลำบากเมื่อมืดค่ำยิ่งดูน่ากลัวกว่าเดิม แต่นี่เป็นข้อดีของการนำรถมาเอง เพราะถ้าเช่ารถมาผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมอยู่จนมืดค่ำแบบนี้หรือเปล่า

ผมกลับถึงที่พักด้วยสภาพค่อนข้างสะบักสะบอมทั้งคนและรถ ยังไม่ทันเข้าห้องพักพี่เจ้าของที่พักก็เข้ามาทักทาย คงเป็นเพราะเห็นผมสะพายกล้องพะรุงพะรัง ก็เลยถามว่าไปถ่ายภาพที่ไหนมา คุยไปคุยมาจึงทราบว่าพี่เขาก็ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน แถมยังรู้จักและติดตามงานผมอยู่ด้วย งานนี้ก็เลยยาว พูดคุยกันไปเรื่อยตั้งแต่ข้อมูลน่าสนใจของแม่แจ่ม ไปจนถึงทริปต่างประเทศตามประสาคนคอเดียวกัน … มาถึงตรงนี้ก็เลยเพิ่งได้ทราบว่ามุมถ่ายภาพที่ผมอยากได้ของนาขั้นบันไดป่าปงเปียงนั้น ต้องเดินลงไปตรงหุบด้านล่างอีกหน่อย จึงจะได้เห็นสันของนาลดหลั่นกันลงไป ซึ่งดูสวยงามกว่าการถ่ายภาพจากมุมกดซึ่งมองเห็นนาข้าวอยู่ติดกันไปหมด .. รู้แบบนี้แล้วเสียดายจริง ๆ ครับที่ไม่เจอพี่เขาเสียก่อนที่จะเดินทางไปที่นั่น …

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้าโดยตั้งใจจะขึ้นไปถ่ายภาพทะเลหมอกบนดอยม่อนหมาก ซึ่งผมก็อาศัยข้อมูลที่ทำไว้โดยมนต์เมืองแจ่มเช่นเคย แต่สถานที่เริ่มต้นวิธีการเดินทางนั้นไม่ได้เริ่มจากในตัวอำเภอ … ด้วยความที่ไม่คุ้นชินเส้นทาง ปรากฎว่าผมขับขึ้นผิดดอยไปจนถึงมนต์เมืองแจ่มจึงได้รู้ว่าหลงซะแล้ว แต่ก็ไม่ละความพยายาม ลงดอยมาหาทางขึ้นจนเจอ แม้จะสายไปเกือบชั่วโมงก็ตาม … ทั้งนี้เส้นทางช่วงท้าย ๆ โดยเฉพาะ 2 กม.ก่อนถึงจุดหมาย เริ่มจะเละเทะเหมือนทางไปป่าบงเปียง แต่แย่กว่าตรงที่บางช่วงของเส้นทางค่อนข้างชัน และถนนชื้นแฉะจากน้ำค้างช่วงเช้าตรู่ … แม้ผมจะเคยขับรถบนเส้นทางแย่ ๆ มาพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นทาง off road ทำให้ช่วงหนึ่งที่ต้องขึ้นเนินที่มีร่องลึก ผมเลือกเข้าผิดช่องจนทำให้รถเสียหลักตกร่องริมทางจนล้อฟรีไปต่อไม่ได้ … แม้ว่ารถสภาพดีมาก แต่เนื่องจากเป็นรถขับเคลื่นสองล้อ เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้จึงไม่สามารถหลุดออกมาได้ …

เนินนี้แหละครับทำเอารถตกร่องริมทางเครียดไปพักใหญ่

Chiangmai-trip-89

ยังโชคดีที่จุดนั้นพอมีสัญญาณโทรศัพท์ … ผมตัดสินใจรอคนผ่านไปผ่านมา สักครู่ใหญ่ ๆ มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซต์ผ่านมา ผมจึงขอความช่วยเหลือ เขาใจดีมากพยายามโทรติดต่อญาติ แต่ติดต่อไม่ได้จึงลงไปตาม จนราวชั่วโมงนึงผ่านไปจึงมีรถไถคันเล็ก ๆ มาช่วยกู้รถผมขึ้นจากหล่มได้ … งานนี้สอนให้รู้เลยว่า ควรศึกษาเส้นทางให้ดีกว่านี้ และห้ามประมาทเด็ดขาดแม้สภาพรถดี แต่ในบางสถานการณ์ที่เราใช้ไม่ถูกก็อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้ … นี่ยังดีที่ตกร่องไม่ลึกนักและรถไม่เสียหายอะไร แถมยังมีคนใจดีช่วยเหลือ นึกไม่ออกว่าหากเป็นกลางค่ำกลางคืนในจุดไม่มีสัญญาณจะทำยังไง

ชาวบ้านที่มาช่วยเหลือครับ

IMAG0656

หลังจากรถผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว ผมขับรถเลยไปหน่อย (ใจยังกล้า 555) เพื่อเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าของภูเขาที่เต็มไปด้วยแปลงผัก มองไปด้านล่างเห็นตัวอำเภอแม่แจ่มกับทุ่งนาสีเขียวขจีอยู่ไกล ๆ

มุมจากยอดเขาใกล้ ๆ ม่อนหมาก

D610-139
ถ่ายภาพอยู่ไม่นานนักผมก็รีบกลับลงมาที่พักเพราะสายกว่าที่วางแผนไว้เยอะแล้ว แต่ก็มิวายหยุดถ่ายภาพบรรยากาศทุ่งนาระหว่างทางที่แสงยามสายกำลังทำให้ทุ่งนาแห่งนี้สวยงามเต็มที่พอดี

D610-144

 

D610-151

ผมกลับมาถึงที่พักแบบเลอะเทอะไปทั้งตัว รีบอาบน้ำ จากนั้นก็ทานอาหารเช้าของ “เฮือนแรม แจ่มเมือง” เสร็จแล้วจึงอำลาพี่เจ้าของที่พักเพื่อเดินทางกลับ โดยเลือกเส้นทางผ่านอำเภอฮอดตามที่วางแผนไว้

IMAG0659

ระหว่างทางได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามไปอีกแบบ โดยเฉพาะแปลงผักอยู่บนยอดเขาสวยงามมาก ๆ จนผมต้องหยุดถ่ายภาพเป็นระยะ

D610-155

D610-157

Chiangmai-141

Chiangmai-148

บนเส้นทางขากลับสู่เชียงใหม่ ผมแวะเข้าไปชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งได้รับการโปรโมทไม่นานนี้ “ผาช่อ” ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วาง … ลักษณะเหมือนแคนยอนขนาดย่อม ดูสวยงามแปลกตา .. แอบตกใจเหมือนกันที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก คงเป็นเพราะแรงโปรโมทนั่นเอง นับเป็นอีกหนึ่งจุดน่าแวะหากเดินทางมาท่องเที่ยวบนเส้นทางสายนี้ครับ

D610-162

D610-168

เดิมทีตั้งใจว่าค่ำคืนวันสุดท้ายจะให้เวลากับการถ่ายภาพวัดในเมืองเชียงใหม่และซื้อของที่ถนนคนเดิน แต่ปรากฏว่าคุณภรรยาป่วยหนัก และอาการเหมือนจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออกจึงต้องพาเข้าโรงพยาบาลด่วน แต่เมื่อตรวจเลือดแล้วไม่พบเชื้อไข้เลือดออกจึงค่อยเบาใจและรับยาฆ่าเชื้อมาทาน โดยหมอวินิจฉัยว่าอาจเกิดจากแพ้พิษแมลงบางชนิด … ยังไงเพื่อน ๆ ที่เดินทางเที่ยวป่าเขา ควรติดยาที่จำเป็นไปด้วยนะครับ เผื่อฉุกเฉินจะได้ช่วยบรรเทาอาการป่วยได้

ทริปสั้น ๆ นี้จบลงด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ผมคงต้องจำไปอีกนานทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของการขับรถ และการเตรียมข้อมูลที่เป็น hard copy … “นาขั้นบันได” ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ หนทางก็แสนลำบาก ป้ายบอกทางก็น้อยเต็มที แต่นี่คือความดิบและดั้งเดิมที่หาไม่ได้แล้วในเมืองใหญ่ … ท่ามกลางความยากลำบากของการเดินทาง ผมได้เห็นแต่รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน นี่กระมังคือ “ความสุข” ของเหล่า “นักเดินทาง” ที่ใครได้เห็นก็อยากจะมาสัมผัสด้วยตัวเอง …

ส่งท้ายกันด้วยภาพจากบนฟ้าระหว่างทางมาภูเก็ตครับ ขอบคุณ NokAir มาก ๆ ครับที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดทริปสนุก ๆ ที่เชียงใหม่ครั้งนี้

IMAG0680

IMAG0691

จองตั๋วเครื่องบินครั้งต่อไปอย่าลืมนึกถึง NokAir นะครับ   มีเส้นทางเชื่อมต่อจังหวัดหัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โอกาสหน้าคงได้รีวิวเส้นทางอื่น ๆ มาฝากเพื่อน ๆ อีก … คอยติดตามกันต่อไปนะครับ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบผลงานถ่ายภาพ สามารถติดตามได้ที่ facebook page และ instagram @9mot ของผม

ข้อมูลอ้างอิง

โรงแรมที่พัก Dusit D2 เชียงใหม่

Tel: +66 (0) 5399 9999 | Fax: +66 (0) 5399 9900
E-mail: d2cm@dusit.com
website : http://www.dusit.com/dusitd2/chiangmai/default-en.html
facebook : https://www.facebook.com/dusitD2CM

รถเช่า Thai Rent A Car
Tel: 02 737 8888 
website : http://www.thairentacar.com/TH/

facebook : https://www.facebook.com/ThaiRentACar

 


3 Comments

  1. Thitipong Kingkaeo (9MOT)

    9Mot:ผมก็เที่ยวคล้ายๆ กัน แต่ถ้าเป็น 3 วัน 2 คืนจะดีกว่ามากครับ ได้ไม่ต้องเร่งรีบ

    ตามมาเที่ยวคร่า นายมดว่า ขับรถจากเชียงใหม่ เที่ยวแม่แจ่ม เก็บนาขั้นบันได แม่ปาน แม่กลางหลวง บ้านตีนผา บ้านกองกาน ป่าบงเปียง 2วัน 1คืน น้อยไปมั้ยคะ ว่าจะไปมั่ง ปลายกันยายนค่ะ

  2. Anne Schläger

    ตามมาเที่ยวคร่า นายมดว่า ขับรถจากเชียงใหม่ เที่ยวแม่แจ่ม เก็บนาขั้นบันได แม่ปาน แม่กลางหลวง บ้านตีนผา บ้านกองกาน ป่าบงเปียง 2วัน 1คืน น้อยไปมั้ยคะ ว่าจะไปมั่ง ปลายกันยายนค่ะ

  3. wanwinit

    บรรยากาศทั้งสวยและน่าไปเที่ยวจังเลยครับ ภาพสวยๆทั้งนั้นเลย

Trackbacks/Pingbacks

  1. รีวิว Dusit D2 Chiangmai – โรงแรมสวยใจกลาง Night Bazaar | Blog ท่องเที่ยว-ถ่ายภาพของนายมด | Travel & Photography blog by 9MOT - […] Share.fballshare_left {float:left}.fballshare {margin:0px;text-align:center}.fball_fblike{width:105px;}.fball_pinterest, .fball_linkedin, .fball_digg {margin-right:10px;} .fballshare .fball_fblike span{width: 535px!important;}.fball_plusone {width:70px;margin-top:5px;}.fball_twitter {width:90px;margin-top:5px;}.fball_digg {margin-left:25px;margin-top:5px;}.fball_pinterest, .fball_linkedin{margin-top:5px;}Tweet บทความก่อนหน้า : รีวิวภาคสนาม LG G3…