Select Page

#2 เมื่อฝันมันงอก จึงต้องออกไปเก็บฝัน – ขับรถเที่ยวยุโรป ออสเตรีย-อิตาลี-สโลเวเนีย-เยอรมัน ทริปนี้เพื่อเธอ (ทั้ง 2 คน) ตอน “ออกเดินทาง”

ออกเดินทางไปเก็บฝัน

การเดินทางราว 12 ชม. โดย EVA air สู่เวียนนาเป็นไปด้วยความราบรื่น  เราถึงกันราว 9:40 ในช่วงเช้าของวันที่อากาศค่อนข้างเย็น (คิดในใจ กรรมซะแระบอกลูกทัวร์ว่าไม่ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปมากหรอก เพราะกำลังเข้าช่วง summer อากาศกำลังสบาย ^ ^) …

ออกจากอาคารขาเข้า ก็มาเจอกับบูธขาย sim มือถือพร้อม internet แต่ดูแล้วมีแบบ 3 GB ซึ่งคิดแล้วว่าน้อยไปสำหรับการแชร์กันหลายคนและต้องดูกล้องวงจรปิดด้วย ก็เลยไม่ซื้อ (คิดผิดถนัด)

ที่สนามบินเวียนนาการใช้ Wheel chair ไม่ได้เป็นอุปสรรคเพราะมีลิฟท์ให้ และบางจุดก็เป็นทางลาดควบคู่กับบันได

สำหรับการติดต่อรับรถเช่าที่สนามบินเวียนนาอาจจะต้องเดินไกลสักหน่อย  และเคาท์เตอร์ของแต่ละบริษัทก็อยู่หลบมุมเข้าไปในตึก แต่ก็ไม่ได้หายากจนเกินไป … ทั้งนี้ผมติดต่อรับกุญแจรถและ GPS จากบริษัท Buchbinder ตามที่ได้จองไว้แล้ว  ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะบอกหมายเลข block ของรถที่เราเช่าไว้พร้อมกับบัตรสำหรับออกจากที่จอดรถ

เราช่วยกันขนสัมภาระไปยังที่จอดรถแบบทุลักทุเลพอสมควรเพราะมีกระเป๋าเดินทางขนาดกลางคนละใบ นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าใส่สัมภาระส่วนกลางด้วย  ส่วนผมอาสาเป็นมือใหม่หัดเข็น Wheel chair ให้พ่อและต้องใจหายใจคว่ำเพราะทำรถเข็นตกร่องจนภทำให้พ่อล้มหน้าคะมำ  โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก  แต่ก็ทำให้รู้ว่าต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้

รถที่เราได้สำหรับทริปนี้เป็นแบบ 9 ที่นั่งตามที่จองไว้  แต่เป็น Volkswagen Caravelle ซึ่งมีที่นั่ง 3แถว (3+3+3) และด้านหลังเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่  ที่เพียงพอสำหรับกระเป๋าของพวกทั้ง 8 คนและ Wheel chair แบบไม่ต้องอัดแน่นนัก … ผมทำการถ่ายภาพสภาพรอบรถอย่างละเอียด แม้ว่าจะทำประกันแบบ full insurance ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง .. จากนั้นใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์เล็กน้อย  กำหนดพิกัด GPS เป็นจุดหมายแรกของเราวันนี้  นั่นคือเมือง Hallstatt ที่อยู่ห่างออกไปราว 3 ชม.

รถ Volkswagen Caravelle เป็นรถ Mini Van แต่ก็ขับไม่ยากนัก  ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าผมขับในยุโรปเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว  ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไม่ชินรถพวงมาลัยซ้ายมากนัก (สงสัยรอบหน้าคงต้องลองเกียร์ manual ดูซักที)

รถสำหรับทริปนี้ของเราครับ

Hallstatt-Austria-5

เส้นทางสู่ Hallstatt มีเมฆครึ้มตลอดทาง  อุณหภูมิเย็นกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควร (ไม่ถึง 20 องศา)  ทั้งนี้ตลอดทางผมแวะ super market และร้าน IT ตามเมืองต่าง ๆ ที่ผ่าน  เพื่อหาซื้อ Sim internet ตามที่หาข้อมูลไว้  แต่การแวะกว่า 10 ร้านกลับหาซื้อไม่ได้เลย  ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ เจอบริการ sim internet ในสนามบินผมแนะนำให้ซื้อเลยครับ อย่าหวังซื้อระหว่างทาง  เว้นเสียแต่ว่าเพื่อน ๆ จะเที่ยวในเมืองใหญ่ ๆ อาทิ Vienna, Innsbruck, Salzburg

นอกจากแวะหาซื้อ sim card แล้วผมก็แวะถ่ายภาพ landscape ริมทางเป็นระยะ  น่าเสียดายที่ทุ่งดอกหญ้าสีทองแทบจะไม่หลงเหลือแล้วสำหรับปลายเดือน มิ.ย.  แต่มีดอกหญ้าหลากสีขึ้นมาแซม  แต่ไม่หนาแน่นสวยงามเหมือนทุ่งดอกหญ้าสีเหลืองที่มักพบเห็นได้ราวเดือนพ.ค.

ผมขับโดยใช้เส้นทางด่วนเพราะทางบริษัทรถมี sticker ทางด่วนให้แล้วจึงช่วยให้ประหยัดเวลาได้อย่างดี (หากไม่มีสติกเกอร์แล้วไปใช้ทางด่วน ถ้าเจอตำรวจจะถูกปรับเยอะมาก) … ก่อนถึง Hallstatt เราจะเริ่มเห็นภูมิประเทศที่เป็นภูเขาเยอะขึ้น  และช่วงท้ายเป็นช่วงที่ต้องขับรถไต่เขาเพื่อเข้าไปยังเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ (บางเส้นทางอาจใช้อุโมงค์แทน) …

แวะถ่ายภาพสวย ๆ ริมทางระหว่างเดินทางไป Hallstatt เป็นระยะ

Hallstatt-Austria-6

เราแวะซื้อของสดสำหรับทานเป็นมื้อเย็นที่หมู่บ้าน Obertraun ก่อนถึง Hallstatt ซึ่งผมก็ถือโอกาสเก็บภาพบรรยากาศน่ารักของบ้านเรือนแถบนี้ … สิ่งที่จะได้เห็นแทนที่ทุ่งดอกหญ้าหากมาในช่วงปลายเดือน มิย. ก็คือดอกกุหลาบครับ เพราะช่วงนี้จะแข่งกันบานเต็มที่สวยงามสดชื่นมาก ๆ

Hallstatt-Austria-10

ผมขับรถต่อไปอีกเล็กน้อยก็ถึง Haus Lidy (link) ที่พักประจำของผมเมื่อมาเยือน Hallstatt … ข้อดีของที่นี่คือบ้านอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและทะเลสาบ  สามารถจอดรถที่บ้านแล้วเดินมาเที่ยวได้  อีกทั้งบ้านใกล้เรือนเคียงแถบนั้นตกแต่งสวยงามน่ารักมาก ๆ ผมจึงติดอกติดใจที่นี่และมาพักเป็นครั้งที่ 3 แล้ว … ข้อเสียมีนิดเดียวคือไม่มี amenities ในห้องน้ำให้  และห้องที่พัก 5 คนอาจจะคับแคบไปสักนิด  แต่โดยรวมผมยังคงชอบอยู่โดยเฉพาะเมื่อได้คุยกับคุณป้า Lidy ที่จะคอยดูแลเราระหว่างอาหารเช้า  ทำให้ได้อรรธรสของความเป็นท้องถิ่นจริง ๆ

บ้านคุณป้า Lidy ที่พักประจำของผม

Hallstatt-Austria-30

วิวจากช่องลมในห้องนอนของเราครับ

Hallstatt-Austria-31

เย็นวันแรกที่ออสเตรีย  ผมต้องล้มเลิกแผนเดินเที่ยวริมทะเลสาบ  เพราะฝนตกปรอย ๆ ทำให้อากาศหนาวมาก อาจทำให้ไม่สบายกันได้ มีผมเพียงคนเดียวที่ออกเดินไปถ่ายภาพเล็กน้อยแต่แล้วก็ต้องยอมแพ้กับสายฝนที่โปรยปรายลงมา

เดินเก็บภาพช่วงเย็น ได้ภาพมานิดหน่อย

Hallstatt-Austria-15

 

Hallstatt-Austria-24

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้าออกมาดูอากาศที่ระเบียงหลังห้อง โชคดีมากที่ได้เห็นกวางป่าออกมาเดินกลางทุ่งหญ้าข้างบ้าน เสียดายที่หยิบกล้องออกมาบันทึกภาพไว้ไม่ทัน

หลังมื้อเช้าที่บ้านพักอันอบอุ่นแล้ว  เราก็ออกเดินไปเที่ยวส่วนที่เป็นตัวเมืองริมทะเลสาบ  ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นพิเศษเพราะได้เห็นพ่อกับแม่และครอบครัวได้สัมผัสกับบรรยากาศอันสดชื่นของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่ผมอยากให้พ่อกับแม่มาเห็นกับตา … นาทีนั้นมันแอบตื้นตันยังไงบอกไม่ถูก

Hallstatt-Austria-33 Hallstatt-Austria-34

เราเดินเที่ยวเมือง Hallstatt ไปจนถึงจุดชมวิวมหาชน (ช่วงนี้ต้องเข็น Wheel chair ขึ้นเนินใช้พลังมากพอสมควร) และเป็นจุดแรกที่เราได้ถ่ายภาพหมู่ด้วยกันครบทุกคน

Hallstatt-Austria-44

เพลิดเพลินกับวิวที่จุดชมวิวมหาชนสักพัก  ผมให้คนอื่น ๆ เดินกลับไปทางเดิม ส่วนผมขึ้นเนินไปยังโบสถ์ที่อยู่ด้านบนเพื่อเก็บภาพมุมสูงอีกหน่อย

Hallstatt-Austria-56

ฝนเริ่มตกปรอยๆ เมื่อเราเดินกลับมาถึงที่จอดรถพอดี  … เราจึงโบกมือลา Hallstatt เพื่อไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือเมือง Bled ในประเทศ Slovenia

ระหว่างทางผมกำหนดให้ GPS โฉบเข้าไปที่ Wörthersee ซึ่งเป็นทะเลสาบที่อยู่ในเมือง Velden  … เมืองนี้หาที่จอดรถฟรีค่อนข้างยาก ทำให้เราได้เก็บภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   แต่ดูหลานสาวของผมจะสนุกกับการได้เห็นนกเป็ดน้ำมากเป็นพิเศษ  ส่วนคนอื่น ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจกับน้ำสีเขียวมรกตในทะเลสาบที่ใสจนมองเห็นปลาตัวใหญ่เบื้องล่าง

บรรยากาศที่นี่เป็นเมืองตากอากาศมาก ๆ

Worthersee-velden-10

Worthersee-velden-6

เราใช้เวลาที่นี่กันราวครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ  สู่สโลเวเนีย

เส้นทางสู่สโลเวเนีย

Bled-Slovenia-3

Bled-Slovenia-5

Bled-Slovenia-9

แต่ดูเหมือน GPS ที่ติดมากับรถเช่าจะไม่มีข้อมูล update ของถนนใน Slovenia ทำให้มันนำทางผมเข้ารกเข้าพงไปไกลจนผมคิดว่าต้องผิดทางแน่ ๆ เพราะเข้าป่าลึกไปทุกที (บางครั้ง GPS จะเลือกเส้นทางสายรองหากพบว่าใกล้กว่า ทำให้ผมไม่เอะใจในช่วงแรก) … สุดท้ายผมต้องนำ GPS ที่ติดตัวมาจากเมืองไทยเพื่อให้นำทางแทน และพบว่าจุดหมายอยู่กันคนละฝั่งของภูเขาเลย  นับเป็นโชคดีมาก ๆ ที่เตรียมแผนสำรองไว้

ที่พักคืนนี้เป็นแบบ apartment (บ้านแบ่งชั้นบนให้เช่าทั้งชั้น) มี 3 ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่และครัว  อยู่ในทำเลชานเมืองห่างจากทะเลสาบ Bled ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวราว 10 กม.  ที่สำคัญราคาที่พักถูกมาก ๆ

วิวจากที่พัก

Bled-Slovenia-11

มื้อค่ำวันนั้นเราทำอาหารทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หลายอย่าง และมีไวน์แดงช่วยเพิ่มความอบอุ่นนิดหน่อย … และเนื่องจากช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกราว 3 ทุ่มเศษผมจึงขอออกไปถ่ายภาพที่ริมทะเลสาบและจะได้ถือโอกาส survey สถานที่ไปด้วยในตัว … ทั้งนี้ใช้เวลาขับรถราว 15 นาทีก็ถือทะเลสาบในจุดที่ผมหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้ว ..  แสงเย็นวันนี้กำลังสวยพอดีจึงถือโอกาสบันทึกภาพไว้หน่อย

บรรยากาศยามเย็นริมทะเลสาบ

Bled-Slovenia-12

Bled-Slovenia-14

เช้าวันรุ่งขึ้นเราทานอาหารเช้าทานกันเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังปราสาท Bled ที่อยู่ริมทะเลสาบ  การมาในช่วงเช้าทำให้นักท่องเที่ยวแทบไม่มี  เสียดายมากที่ทางเดินไปยังประตูทางเข้าเป็นเนินค่อนข้างชันและพื้นไม่เรียบทำให้ไมสามารถเข็น Wheel chair ขึ้นไปได้  คุณพ่อจึงขอนั่งอยู่บริเวณทางขึ้น โดยมีคุณแม่อาสานั่งเป็นเพื่อนเพราะเกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะพาลไม่สนุกกันทุกคน … ผมรู้สึกเสียดายมากที่พ่อจะไม่ได้เห็นวิวสวย ๆ ด้านบนปราสาท  แต่เมื่อคิดถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักผมจึงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่าน

ปราสาท Bled นั้นไม่ใหญ่โตมากนัก ภายในจัดแสดงประวัติต่างและโบราณวัตถุที่สำคัญ  แต่ที่ทำให้ทุกคนต้องมาเยือนคือวิวจากปราสาทที่สวยสะกดใจมาก ๆ เพราะสามารถมองเห็นทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขา Alpe ได้อย่างเต็มตา  โดยมีเกาะเล็ก ๆ ที่มีโบสถ์ด้านบนเป็นภาพประจำของที่นี่

Bled-Slovenia-17

Bled-Slovenia-19

Bled-Slovenia-23

Bled-Slovenia-29

เราใช้เวลาเดินเที่ยวและถ่ายภาพอยู่พอสมควรก็เดินทางไปยังริมทะเลสาบ  ในจุดที่ผม survey ไว้ล่วงหน้าแล้ว  ได้เห็นคนท้องที่มาทำกิจกรรมฤดูร้อนกันแล้วสนุกดี  ส่วนพวกเราก็นั่งจิบกาแฟริมทะเลสาบได้ฟิลมาก ๆ … เสียดายที่การถ่ายภาพจุดนี้ควรทำในช่วงบ่าย ๆ เพราะในช่วงเช้าจะเป็นการถ่ายย้อนแสง  ผมก็เลยได้ภาพมาไม่มากนัก

Bled-Slovenia-36

Bled-Slovenia-39

วันนี้เราต้องเดินทางข้ามประเทศอีกครั้ง  โดยต้องขับกลับเข้าไปในออสเตรียแล้วขับลัดเลาะชายแดนเพื่อต่อไปยังเขต South Tyrol ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี  โดยขาออกจาก Slovenia เราใช้เวลาสั้นกว่าขาเข้ามากเพราะใช้ทางด่วนที่เป็นอุงโมงค์ยาวหลายกม. ไม่ต้องขึ้นเขาวกวนเหมือนตอนขามา

ตลอดเส้นทางจาก Slovenia ผ่าน Austria ไปยัง Italy ผมขับผ่านภูเขาหลายลูก  ถ้านับโค้งคงไม่แพ้ขับจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนเป็นแน่  แต่ตลอดทางได้ชมทิวทัศน์สวย ๆ ของทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวบนยอดเขาที่กำลังเขียวขจีต้อนรับฤดูร้อน  …

Dolomites-Italy-4

Dolomites-Italy-5

เมื่อเริ่มเข้าใกล้ชายแดนอิตาลี  เราเริ่มมองเห็นยอดเขาหินปูนทรงเรียวสีขาว ๆ เทา ๆ สูงตระหง่าน  และนี่คืออีกหนึ่งจุดหมายในฝันสำหรับทริปนี้ … “Dolomites”

Dolomites-Italy-36

Dolomites-Italy-40

“Dolomites” เป็นกลุ่มเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี  ที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อปีก่อนหน้า (2557)  แต่รอบที่แล้วยังเที่ยวไม่ทั่ว  คราวนี้นอกจากได้พาพ่อกับแม่มาสัมผัสดินแดนแห่งนี้แล้ว ผมก็ถือโอกาสมาเก็บตกหลาย ๆ จุดที่พลาดไปเมื่อปีที่แล้ว

ที่พักของคืนนี้เป็นโรงแรมที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนไหล่เขาชื่อ Rifugio Ospitale บนเส้นทางระหว่าง Lake Misurina กับเมือง Cortina D’Ampezzo ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังของแถบนี้  .. อันที่จริงผมอยากได้ที่พักในบริเวณ Lake Misurina เลยเพื่อจะได้ถ่ายภาพแสงเช้าและแสงเย็นได้สะดวก  แต่ว่าโรงแรมแถบนั้นมักกำหนดการพักขั้นต่ำหลายคืน  ลูกค้าที่พักคืนเดียวแบบผมจึงต้องพักที่โรงแรมห่างออกไปราว 13 กม. แทน

ก่อนเข้าที่พัก  ผมพาทุกคนไปแวะไปชมวิวกันที่ Lake Misurina ก่อน  ซึ่งรอบนี้เรียกได้ว่าเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแล้ว  เพราะบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบไม่มีหิมะปกคลุมเหมือนที่มาในเดือนพ.ค.ปีก่อน

Dolomites-Italy-41

จาก Lake Misurina ผมขับรถไปยังที่พักโดยเลือกเส้นทางที่ผ่านเมือง Cortina D’Ampezzo เพื่อเก็บภาพที่จุดชมวิวมหาชน

ขับรถออกจาก Lake Misurina ได้ไม่ไกลยังไม่ถึงจุดชมวิวมหาชนเลย ก็ต้องแวะถ่ายภาพริมทางอีกแล้ว

Dolomites-Italy-59

 

Dolomites-Italy-54

เส้นทางสวย ๆ ระหว่างทางลงเขา

Dolomites-Italy-63

มุมมหาชนของ Cortina

Dolomites-Italy-68

จาก Cortina ต้องขับรถขึ้นเขาไปอีกเกือบ 10 กม. จึงถึงที่พักของเรา   ที่นี่เป็นโรงแรมที่ค่าห้องสูงที่สุดของทริป แต่ต้องยอมรับว่าทั้งบรรยากาศภายในห้องและทำเลที่ตั้งสวยงามมากจริง ๆ …

ที่พักท่ามกลางหุบเขาของพวกเรา

Dolomites-Italy-76

หลังจากเราติดต่อเรื่องห้องพักและนำของขึ้นไปเก็บเรียบร้อยแล้ว  ก็ขับรถลงมาที่ Cortina อีกครั้งเพื่อทานอาหารมื้อเย็น

เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์และค่ำแล้ว (แต่ยังไม่มืด) ร้านรวงต่าง ๆ ในเมืองปิดกันหมด ยังโชคดีที่พอหาร้านทานอาหารได้  แต่ก็เป็นร้านในโรงแรมที่ราคาสูงพอสมควร

หลังจากมื้อเย็นผมนำทุกคนมาส่งที่โรงแรม  ส่วนผมขับรถกลับไปเก็บแสงสวย ๆ ที่ Lake Misurina อีกครั้ง

มุมเดิมแต่แสงเย็นสวยมาก

Dolomites-Italy-79

อากาศที่ทะเลสาบหนาวเย็นมาก แต่ก็แลกด้วยแสงสุดท้ายของวันที่สวยงามจับใจจริง ๆ

Dolomites-Italy-81

ขับเลยขึ้นไปบนเขาอีกหน่อย มีทะเลสาบเล็ก ๆ อีกแห่งที่พลาดไม่ได้

Dolomites-Italy-96

ผมพยายามทำเวลาให้เร็วที่สุดในการถ่ายภาพ Lake Misurina และ Lake Antorno ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล  เพราะเกรงว่าที่บ้านจะเป็นห่วง  ทำให้ความตั้งใจที่จะเก็บภาพดาวต้องล้มเลิกไปเพราะเวลาราว 3 ทุ่มกว่ายังไม่มืดสนิทเพียงพอที่จะเห็นกลุ่มดาว

เช้าวันรุ่งขึ้นเราทานอาหารเช้าของโรงแรม  ที่จัดไว้อย่างเรียบหรูดูดีตามมาตรฐานมิชิลิน (ร้านนี้อยู่ใน list ของมิชิลินด้วย  เสียดายที่เสิร์ฟมื้อค่ำตอน 1 ทุ่มครึ่งซึ่งพวกเราเห็นว่าดึกไป คืนก่อนหน้าเราจึงลงไปทานกันในเมืองแทน) … วัตถุดิบของอาหารที่นี่ต้องนับว่าดีมากและมีให้เลือกหลากหลายด้วย

วันนี้เราจะขับรถจากเมือง Cortina ผ่าน pass ซึ่งเป็นเส้นทางคดเคี้ยวบนไหล่เขา  ไปพักยังอีกเมืองหนึ่งในแถบ Dolomites เช่นกัน   แต่อยู่ใกล้กับ Aple Di Siusi ที่เป็นอีกหนึ่ง Hilight ของทริปนี้ …

เนื่องจากระยะทางวันนี้ไม่ได้ไกลมาก  แต่ต้องผ่านเส้นทางสูงชันและคดเคี้ยว  ผมขับรถไปก็หยุดถ่ายภาพเป็นระยะ  เพื่อให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารได้พัก

วิวของเมือง Cortina จากมุมสูง

Dolomites-Italy-104

Dolomites-Italy-107

Dolomites-Italy-106

ตลอดระยะทางได้ชมวิวภูเขากันจนอิ่มเลย

Dolomites-Italy-109

Dolomites-Italy-113

เราแวะทานอารเที่ยงของวันกันที่ร้านอาหารบน Pass pordoi ซึ่งเป็นอีกจุดที่สวยงามมากและได้ใกล้ชิดกับหน้าหาหินปูน  แต่โชคไม่ดีนักที่อากาศไม่ค่อยจะเป็นใจสำหรับการถ่ายภาพสักเท่าไหร่

Dolomites-Italy-128

Dolomites-Italy-126

จาก Pass pordoi เรายังต้องขับรถขึ้นและลงเขาอีกหลายโค้ง  ผ่านอีก Pass สวยที่ชื่อ Pass Gardena ก่อนจะถึงหมู่บ้านที่พักชื่อ Calfosch

เส้นทางจาก Pass pordoi สู่เมืองที่พัก

Dolomites-Italy-130

Dolomites-Italy-137

Dolomites-Italy-155

Dolomites-Italy-158

Dolomites-Italy-146

สำหรับที่พักที่นี่ GPS ของบริษัทรถเช่าหาไม่เจอ  ผมจึงลองใช้ Google map จากมือถือช่วยซึ่งก็ได้ผล สามารถพาเราไปยังจุดหมายได้

ที่พักคืนนี้ชื่อ Garni Settsass เป็นโรงแรมสไตล์ท้องถิ่น  ห้องไม่กว้างนักและไม่มีลิฟท์ทำให้คุณพ่อลำบากพอสมควรในการเดินขึ้นลง (พลาดมากที่ไม่ได้เช็คให้ดีก่อน)

วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ผมลุ้นมาก เพราะได้จองทัวร์นั่งรถม้าขึ้นชมยอด Alpe Di Siusi (เอลป์ ดีซิอุซิ) ที่ผมหมายมั่นปั้นมือมาก ๆ ว่าจะต้องไปถ่ายภาพให้ได้  อันที่จริงการขึ้นสู่ยอด Alpe Di Siusi นั้นนิยมนั่งกระเช้าขึ้นไป  แล้วไปทำกิจกรรมต่อด้านบน … ภูมิประเทศของยอด Alpe Di Siusi นั้นจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่  ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีดอกหญ้าผลิบานสวยงามมาก  ทั้งนี้สามารถขึ้นสู่ยอดเขาแห่งนี้ได้หลายทาง  แต่ที่นิยมกันคือขึ้นจากเมือง Ortisei หรือเมือง Seiser Alm และการท่องเที่ยวด้านบนสามารถเช่าจักรยานที่มีทั้งแบบธรรมดาและแบบไฟฟ้า  หรือจะนั่งรถม้าเที่ยวชมก็ได้ …

ผมพยายามหาข้อมูลว่าถ้าต้องขึ้นไปแล้วเราทั้งกลุ่มซึ่งมีเด็กและผู้สูงอายุรวมอยู่ด้วย  จะเที่ยวกันอย่างไรดี  สุดท้ายมาเจอบริการทัวร์รถม้า (horse carriage ride) ที่จะออกเดินทางจากเมือง Monte pana ขึ้นไปยัง Alpe Di Siusi โดยรวมอาหารมื้อเที่ยงไว้ในบริการด้วย  ทั้งนี้จะออกเดินทาง 10 โมงเช้าและกลับมาถึงเมือง Mote Pana ราวบ่าย 3 โมง … ผมเห็นว่าวิธีนี้ทำให้เราทั้งหมดได้เที่ยวไปพร้อม ๆ กัน  ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่นั่งรอเหมือนกรณีไปเช่าจักรยาน  ผมจึงจองทัวร์นี้ไปในราคา 500 Euro สำหรับ 7 ผู้ใหญ่ 1 เด็ก  ซึ่งนับว่าไม่ถูกแต่จะว่าไปก็พอ ๆ กับ one day trip จากภูเก็ตไปเกาะสิมิลันนั่นแหละ  ทั้งนี้ผมขอแถมให้หลานผมได้นั่งม้า (ตัวเล็ก) และเล่นในสวนสนุกของฟาร์มหลังจากทัวร์จบแล้ว

แผนที่วางไว้เหมือนจะลงตัว แต่ทว่าก่อนเดินทาง  ทางฟาร์มที่ให้บริการขอให้ผมเลื่อนวันเพราะพยากรณ์อาการบอกว่าฝนจะตกทั้งวัน (ผมก็เห็นจากมือถือแล้วเหมือนกันแต่กำหนดการคงเปลี่ยนไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ได้จริงก็ต้องยกเลิกไปเลย)  … ผมลองดูรายละเอียดของพยากรณ์แบบเป็นรายชั่วโมงบอกว่าอากาศจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ 10 โมงเช้าเป็นต้นไปและฝนจะตกอีกครั้งบ่าย 3 โมงซึ่งเป็นเวลาสิ้นสุดทัวร์พอดี  ผมไม่รอช้าแจ้งไปกับทางฟาร์มว่าผมจะไปเพราะดูเหมือนอากาศจะกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ถ้าไปถึงแล้วฝนตกก็ขอ cancel ซึ่งทางฟาร์มก็ยินดีตามนั้น

ระหว่างทางขับรถจากเมืองที่พักไปยัง Monte Pana ต้องข้ามเขา 2-3 ลูก  ซึ่งวิวสวยงามมาก ๆ และดูเหมือนอากาศจะดีขึ้นเรื่อย ๆ … ก่อนถึง Monte Pana เล็กน้อยเราต้องไต่เขาผ่านเส้นทางเล็ก ๆ ที่มีโค้งหักศอกจึงมาถึงจุดที่เรียกว่า Monte Pana Sport Center และฟาร์มเลี้ยงม้าซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางก็อยู่ตรงหน้า Sport Center นั่นเอง … โชคดีที่เป็นวันธรรมดาและยังไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวเต็มตัว  จึงมีลูกค้าคือเรากลุ่มเดียว  แต่ผมแน่ใจเลยว่าในวันหยุดหรือเทศกาลท่องเที่ยวที่นี่น่าจะมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ดูได้จากมีร้านอาหารขนาดใหญ่และที่พักรวมถึงกระเช้าขึ้นเขาอยู่ในบริเวณนี้

ทางฟาร์มขอเลื่อนเวลาออกไปเป็นเริ่ม 11 โมงเพื่อรอให้อากาศดีเต็มที่ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้อง

บรรยากาศที่ฟาร์ม

Dolomites-Italy-162

Dolomites-Italy-164

รถม้าของพวกเราวันนี้ใช้ม้าขนาดใหญ่ 2 ตัวขนสีดำขลับดูแข็งแรงมาก  เราทั้งกลุ่ม 9 คนนั่งในรถม้าแบบพอดี  โดยผมกับหลานสาวจองที่นั่งด้านหน้า

Dolomites-Italy-165

ม้าเริ่มนำเราออกจากฟาร์มแล้วค่อย ๆ เดินผ่านเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขา  ผ่านป่าสน  และทุ่งหญ้า  โดยเจอกับนักท่องเที่ยวที่เดิน trekking และปั่นจักรยานเที่ยวเป็นระยะ

Dolomites-Italy-166

Dolomites-Italy-167

Dolomites-Italy-169

Dolomites-Italy-171

ระหว่างทางแวะให้ม้าได้พักหนึ่งครั้ง  และเป็นอีกจุดที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพ

Dolomites-Italy-172

ยิ่งใกล้ยอดด้านบนก็ยิ่งเห็นยอดเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Dolomites ชัดเจนขึ้น  ภาพเบื้องหน้าสวยงามเหมือนภาพวาดจริง ๆ และฟ้าก็เป็นใจให้กับเราอย่างไม่น่าเชื่อ

Dolomites-Italy-178

เมื่อถึงบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้าด้านบน  นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีฝูงวัวที่กำลังเพลินกับการกินหญ้าให้เราได้ทักทายตลอดทางด้วย

Dolomites-Italy-191

Dolomites-Italy-187

จุดหมายของทัวร์เป็นกระท่อมบนเขาที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารวิวสวย  รายรอบด้วยทิวทัศน์อลังการของทุ่งหญ้าและเทือกเขา Dolomites แบบ 360 องศา  ใกล้ ๆ กันเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่นอกจากวัวแล้วก็ยังมีม้าและแพะด้วย

Dolomites-Italy-221

 

Dolomites-Italy-223

 

Dolomites-Italy-228

Dolomites-Italy-237

Dolomites-Italy-240

 

Dolomites-Italy-248

มื้อเที่ยงวันนี้รวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว  ซึ่งเราได้ทานอาหารพื้นเมืองที่รสชาติดีทีเดียว  งานนี้คุณพ่อ enjoy eating เพราะสั่งเบียร์ท้องถิ่นให้ลองด้วย 🙂

เราใช้เวลาบนยอด Alpe DI Siusi พักใหญ่ก็ได้เวลากลับ  ซึ่งขาลงใช้เวลาราว 1 ชม. โดยม้าไม่ต้องพักเหมือนตอนขาขึ้น

Dolomites-Italy-273

พอมาถึง Monte Pana ฝนก็เริ่มส่อเค้าว่าจะตกตามพยากรณ์เป๊ะ  แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้หลานสาวได้นั่งม้าแคระเล่น  ตามด้วยสนุกกับสนามเด็กเล่นของฟาร์มพักหนึ่งก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังที่พัก  นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจมาก ๆ  สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจทัวร์นี้ก็ดูข้อมูลได้ที่ http://www.maneggio-montepana.com/eng/ ครับ

คนบังคับม้าของเราวันนี้

Dolomites-Italy-286

ฝนตั้งเค้าตอนเราลงมาถึงพอดี

Dolomites-Italy-283

Dolomites-Italy-290

ไม่ลืมกิจกรรมขี่ม้าของหลาน

DSC_4524

สำหรับภาค 1 ก็ขอจบเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วคอยติดตามภาค 2 ต่อเร็ว ๆ นี้ … หากชอบรีวิวนี้ก็ช่วยแชร์เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับเพื่อน ๆ ท่านอื่นด้วยนะครับ

สุดท้ายฝากช่องทางติดตามผลงานอีกสักครั้งครับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
blog ของ​​ “นายมด” : www.9mot.com
facebook page : 9Mot-Photography
Youtube : 9Mot-Photography channel
instagram : @9mot
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

รีวิวทั้งหมดในทริปนี้

#3 เมื่อฝันมันงอก จึงต้องออกไปเก็บฝัน – ขับรถเที่ยวยุโรป ออสเตรีย-อิตาลี-สโลเวเนีย-เยอรมัน ทริปนี้เพื่อเธอ (ทั้ง 2 คน) ตอนจบ

#3 เมื่อฝันมันงอก จึงต้องออกไปเก็บฝัน – ขับรถเที่ยวยุโรป ออสเตรีย-อิตาลี-สโลเวเนีย-เยอรมัน ทริปนี้เพื่อเธอ (ทั้ง 2 คน) ตอนจบ

เช้าวันนี้เราออกจากเขต Dolomites เพื่อข้ามแดนกลับไปยัง Austria อีกครั้ง แต่มีโปรแกรมแวะซื้อของกันที่ Outlet ตรงชายแดนระหว่างสองประเทศที่ชื่อว่า Outlet Center Brenner ซึ่งเป็น Outlet ที่ไม่ใหญ่นัก เดินแบบเล่น ๆ ไม่แวะร้านไหนนานมากน่าจะใช้เวลาราว 2-3 ชม.ก็เพียงพอแล้ว

read more
#1 เมื่อฝันมันงอก จึงต้องออกไปเก็บฝัน – ขับรถเที่ยวยุโรป ออสเตรีย-อิตาลี-สโลเวเนีย-เยอรมัน ทริปนี้เพื่อเธอ (ทั้ง 2 คน) ปฐมบท

#1 เมื่อฝันมันงอก จึงต้องออกไปเก็บฝัน – ขับรถเที่ยวยุโรป ออสเตรีย-อิตาลี-สโลเวเนีย-เยอรมัน ทริปนี้เพื่อเธอ (ทั้ง 2 คน) ปฐมบท

เพื่อน ๆ มีใครเหมือนผมบ้างไหมครับ เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ฝันว่าจะทำงานและหารายได้พิเศษเพื่อให้ได้มีโอกาสท่องเที่ยวต่างประเทศปีละสักครั้งนึง … มันไม่ได้เป็นฝันที่ยิ่งใหญ่หรอกและเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงฝันแบบนี้เช่นกัน สำหรับผมได้ฝันและทำฝันนั้นให้เป็นจริงมาสักพักแล้ว แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป “ความฝันมันงอก” ผมจึงต้องปฏิบัติภารกิจออกไปตามเก็บฝันอีกครั้ง …เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ

read more

1 Comment

  1. thanunb

    สวยมากๆ และน่าไปจริงๆ