Select Page

ภารกิจตามหา unseen สุราษฎร์ธานี …มีอะไรน่าสนใจ หากไม่ใช่สมุย กับเชี่ยวหลาน?

หากเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฏร์ธานี เชื่อว่าขาเที่ยวเกือบทั้งหมดคงมีภาพเกาะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมุย, พะงัน หรือหมู่เกาะอ่างทอง รวมถึงบรรยากาศของเขื่อนรัชประภาผุดขึ้นมาในสมองเป็นแน่ … อันที่จริงเสี้ยววินาทีแรกผมก็นึกออกแค่นั้นเหมือนกัน แต่การไปเที่ยวสุราษฎร์รอบนี้อยากลองสรรหาจุดน่าสนใจใหม่ ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงไปพร้อม ๆ กับสำรวจร้านอร่อยของเมืองใหญ่แห่งนี้ … นี่จึงเป็นที่มาของทริปล่าสุดนี้ ไปดูกันครับว่าสุราษฎร์ ฯ เขามี unseen อะไรเด็ด ๆ บ้าง

surat

06:00

ไปเที่ยวทั้งทีจะให้คุ้มต้องเริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่ครับ … ผมลุกจากที่นอนออกไปเก็บภาพริมแม่น้ำตาปี สายน้ำอันเปรียบเสมือนเส้นเลือดของจังหวัดสุราษฎร์ฯ … โชคดีหน่อยที่ผมเลือกพักรีสอร์ทติดกับแม่น้ำเลย แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนแต่ยังรับรู้ได้ถึงความสดชื่นของบรรยากาศริมน้ำ ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาวต้องบรรยากาศสุดยอดแน่ ๆ เลย …

อันที่จริงสามารถเช่าเรือหางยาวนั่งออกไปชมบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำตาปีได้เหมือนกัน แต่อย่างที่บอกครับได้ที่พักริมแม่น้ำ ก็เลยไม่ต้องเดินทางให้วุ่นวาย อิอิ

DSC_0461

DSC_0462

DSC_0469

DSC_0466

DSC_0454

ภาพชุดนี้ถ่ายที่ Naraya Resort อยู่ริมแม่น้ำตาปี ไม่ไกลจากตัวเมืองสุราษฎร์ … ใครพลาดรีวิวรีสอร์ทริมน้ำสวย ๆ แห่งนี้ ตามไปชมกันได้ตาม link นี้เลยคร้าบ

08:00

สำหรับมื้อเช้าที่สุราษฎร์ ฯ หลังจากได้ลองสืบค้นหาข้อมูลและไปทดลองชิมมาแล้ว ถ้าหากต้องเลือก 1 แห่งที่แนะนำ เห็นจะเป็นขนมจีนเส้นสดใกล้เรือนจำในตัวเมือง รูปแบบการเสิร์ฟก็แปลกดี คือจะให้น้ำแกง 4 อย่างพร้อมผักมาเป็นชุด สามารถเติมผักและน้ำแกงได้ไม่อั้น โดยน้ำแกง 4 อย่างที่ให้มามีน้ำพริก, น้ำยา , แกงไตปลา,และแกงป่า หากอยากทานแกงเขียวหวานต้องสั่งเพิ่มพิเศษ (ถ้วยละ 30 บาท) สำหรับราคานั้นไม่ถูกไม่แพงตะกร้าละ 40 บาท เติมน้ำแกงและผักได้ไม่อั้นอย่างที่บอกไปแล้ว (ชอบมากก็ตรงเนื้อปลาที่อยู่ในแกงไตปลา ให้มาเป็นชิ้น ๆ ทานได้สะใจมาก ตอนไปเติมน้ำแกงเขาก็เพิ่มเนื้อปลาให้แบบเต็มที่ไม่ขี้เหนียวเลย)

DSC_0977

DSC_0978

09:00

ทานมื้อเช้าเสร็จขับรถไปอีกหน่อยก็ถึงบริเวณหน้าเมืองแล้ว ขอพาไปชมและสักการะศาลหลักเมืองของสุราษฎร์ ฯ กันหน่อยนะครับ นอกจากได้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของชาวเมืองแล้ว ยังได้มีโอกาสเก็บภาพสวย ๆ ของสถาปัตยกรรมที่นี่ด้วย

DSC_0515

DSC_0514

DSC_0513

12:00

เมื่อมาสุราษฎร์ ฯ ทั้งทีสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการได้ลิ้มลองอาหารทะเลสด ๆ ที่พลาดแล้วเหมือนมาไม่ถึงคือหอยนางรมตัวโต ๆ ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในของดีเมืองสุราษฎร์ ฯ … อันที่จริงใกล้ ๆ ตัวเมืองสุราษฎร์บริเวณที่เรียกว่าปากน้ำ มีร้านดังประจำจังหวัดได้แกลำพูที่มีด้วยกันหลายสาขาอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แต่ผมมักจะเลือกไปทานที่อีกร้านในเขตอำเภอกาญจนดิษฐ์ซึ่งห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ไปราว 25 กม. และครั้งนี้ก็เช่นกันผมเลือก “ร้านเคียงเลซีฟู้ด” เป็นที่ฝากท้องมื้อเที่ยง …

เมื่อมาถึงจะมีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย เพื่อรองรับลูกค้าของร้านอาหารประเภทซีฟู้ดที่มีอยู่หลายร้านด้วยกันในบริเวณนี้

เนื่องจากไปกันแค่ 2 คน อาหารที่สั่งจึงไม่หลากหลายมากนัก มีส้มตำปูม้า, ปูนึ่ง, ปูเผา (อยากลองว่าแบบไหนอร่อยกว่า), กุ้งแม่น้ำเผา และแน่นอนหอยนางรมสด ๆ

DSC_0983

หลังได้ลิ้มลองแล้วเป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลย อาหารทะเลทุกจานสดมาก ทำให้รสชาติดีแบบไม่ต้องปรุงเลยทุกเมนู การได้แทะเนื้อกุ้งเนื้อปูทีละคำทีละคำ เป็นช่วงเวลาที่ฟินสุด ๆ … โอ้ยเขียนไปก็น้ำลายไหลไป

ปล. ผมไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าปูนึ่งกับปูเผาแบบไหนอร่อยกว่า … ปูนึ่งที่นี่ทำมาแบบค่อนข้างแห้ง ได้รสชาติหวาน ๆ ของเนื้อปูเต็มที่ ส่วนแบบเผาก็อร่อยไม่แพ้กันแต่จะได้กลิ่นหอม ๆ จากถ่านด้วย อันนี้แล้วแต่ชอบเลย ส่วนผมชอบทั้งสองอย่าง

13:00

บ่าย ๆ ของวันหลังมื้อเที่ยงต้องเติมคาเฟอีนเข้ากระแสเลือดหน่อย ถามเจ้าถิ่นสุราษฎร์ได้ความว่ามีร้านกาแฟเก๋ ๆ ที่อุดมด้วยเค้กหลากรสอยู่แถวบางใบไม้ … ร้านหาไม่ยากครับ จากถนนหน้าเมืองสุราษฎร์ ฯ ข้ามสะพานตรงบริเวณศาลหลักเมือง จากนั้นขับรถไปเรื่อย ๆ สัก 2-3 นาที ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ …

ร้านบางใบไม้ตั้งชื่อตามที่ตำบลที่ตั้ง ตกแต่งแบบเก๋ ๆ ให้นั่งเล่นได้ชิล ๆ สำหรับเมนูกาแฟและเบเกอรี่ก็มีหลากหลายทีเดียวครับ วันนั้นลองสั่งลาเต้ร้อน กับชาเย็นรสชาติดีรับ ส่วนเค้กลองลาวาชาเขียวกับถั่วแดง ผมว่าติดหวานไปหน่อย อีกชิ้นเป็นเครปเค้กเนื้อนุ่มลิ้นดีเหลือเกิน … อันที่จริงร้านนี้มีอาหารจานเดียวด้วยนะครับสำหรับคนที่อยากจะฝากท้องมื้อเที่ยง แต่ผมเพิ่งอิ่มมาหมาด ๆ ก็เลยไม่ได้ลอง

14:00

โปรแกรมต่อไป เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอนาสาร … ซึ่งถ้าเอ่ยถึงอำเภอนี้ หลายคนคงคุ้นชื่อเงาะนาสาร ซึ่งเชิดหน้าชูตาให้กับสุราษฎร์ ฯ มาแต่ไหนแต่ไร ใครจะไปรู้ว่าที่อำเภอนาสาร มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจหลายแห่งทีเดียวโดยบางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นซึ่งเป็นบริเวณที่มีเทือกเขาสูงและยังอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งนี้เดิมทีผมตั้งใจจะไปสำรวจถ้ำขมิ้น เพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่นักและหินงอกหินย้อยที่ได้เห็นภาพจากใน internet ก็สวยมาก แต่พอเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ตรงจุดเก็บค่าธรรมเนียม แจ้งว่าด้านในไม่สามารถถ่ายภาพได้ เพราะระบบไฟฟ้าเสียมาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ทำให้โคมไฟที่ประดับไว้ตามทางเดินรวมถึงไฟส่องสว่างใช้งานไม่ได้ จึงคงมีเพียงแสงสว่างจากไฟฉายที่นำติดตัวเข้าไปเท่านั้น ซึ่งสถานกาณณ์แบบนี้คงไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมากนัก … ผมจึงต้องเดินคอตกชกลับออกมาแล้วเดินทางไปยังจุดหมายสำรอง นั่นคือ “น้ำตกตาดฟ้า” ซึ่งทางเข้าอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่จากถนนใหญ่เข้าไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของน้ำตกตาดฟ้า ต้องเข้าไปอีกราว 10 กว่า กม.

ทิวทัศน์ก่อนถึงน้ำตก

DSC_0538

น้ำตกตาดฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เป็นน้ำตกที่มีทั้งหมด 10 ชั้นด้วย โดยตั้งแต่ชั้น 4 เป็นต้นไปจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัย … เสียดายที่ผมมีเวลาจำกัดจึงมีโอกาสเที่ยวชมเพียง 3 ชั้นเท่านั้น

DSC_0540

DSC_0542

ชั้นแรก เป็นน้ำตกขนาดเล็กครับ เต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังสนุกกับการสไลด์ตัวบนก้อนหินจากด้านบนสู่แอ่งน้ำด้านล่าง (ดูแล้วน่าสนุกแต่อายุเกินเลยไม่กล้าเล่น อิอิ)

DSC_0543

DSC_0558

ชั้นที่สอง

ชั้นนี้ก็ไม่ใหญ่ จุดเด่นอยู่ตรงแอ่งน้ำที่ชั้นนี้มีปลาเยอะมาก ๆ ครับ

DSC_0604

DSC_0595

ชั้นสาม

นับเป็น highlight ของ 3 ชั้นแรก และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มานั่งพักกันบริเวณนี้ ตัวนั้าตกน่าจะสูงราว 10-15 เมตร จุดเด่นคือมีช่องเล็ก ๆ ภายใต้สายน้ำตกให้เข้าไปนั่งทำมิวสิคได้ หุหุ

DSC_0785

ถ้ามีเวลามาก ๆ ผมว่าได้เดินป่าสำรวจชั้นอื่น ๆ ของน้ำตกก็น่าจะสวยงามไม่น้อยนะครับ แต่ช่วงที่สวยผมว่าควรเป็นปลายฝนต้นหนาวที่ยังคงเขียวชะอุ่มและน้ำไม่แรงเกินไป

แถมภาพดอกกัลปพฤกษ์สวย ๆ ระหว่างทางเข้าน้ำตกให้ด้วยครับ  กำลังออกดอกสะพรั่งช่วงเวลาเดียวกับซากุระของญี่ปุ่นพอดี

DSC_0798

DSC_0794

16:00

ใช้พลังงานปีนป่ายถ่ายภาพน้ำตกไปเยอะ ขอรองท้องก่อนมื้อค่ำซักหน่อยด้วยอีกร้านดังของสุราษฎร์ ฯ … ร้านที่ว่านี้คือ “ก๋วยเตี๋ยวป้าทิ้ง” … เดิมร้านนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอดอนสัก ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ไปไกลพอสมควร แต่ภายหลังมาเปิดให้ได้ลองลิ้มชิมรสกันถึงในเมือง ผมก็เลยต้องจัดสักหน่อยเพราะได้ข่าวว่าแต่ละจานของเขาอลังการมาก … อยากแนะนำดัง ๆ ว่าทานก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ต้องไปกันหลาย ๆ คน สั่งชามใหญ่แล้วแย่งกันกินสนุกดี หากไปคนเดียวมีหวังได้นอนพุงกางอยู่ในร้านแน่ ๆ … ที่ร้านนี้เขาโดดเด่นเห็นจะเป็นการเลือกอาหารทะเลสด ๆ ทั้งปลาหมึก, กุ้ง, กั้งและก้ามปูมาวางเรียงเต็มจานให้ทานกันแบบจุใจ

สนนราคาจานใหญ่สุดที่เรียกว่า “ก๋วยเตี๋ยวจัดหนัก จอมพลัง” นั้นอยู่ที่ 299 บาท ทานได้ 2-3 คนครับDSC_0534

เมนูและราคาตามนี้เลย

DSC_0530

18:00

ตอนทำ research หาว่ามีจุดถ่ายภาพตรงไหนที่น่าสนใจบ้างในเขตเมืองสุราษฎร์ ฯ หลังจากค้นคำว่า ปากน้ำสุราษฎร์ ใน google เพื่อจะลองหาทำเลถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตกสวย ๆ ก็ไปเจอภาพสะพานภาพแห่งหนึ่งที่ดูเตะตามาก ๆ ค้นไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งพบว่าเฮ้ย สะพานนี่มันสูงสง่าดูโดดเด่นจริง ๆ แถมยังเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำตาปีด้วย ผมจึงตงลงใจว่าจะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สะพานแห่งนี้ …

ไปถึงก็ไม่ผิดหวังครับ โครงสร้างสะพานดูสูงสง่าจริง ๆ และพระอาทิตย์ตกวันนั้นก็สวยงามซะด้วย ..จะว่าไปที่นี่ก็เป็นหนึ่งในจุดพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองสุราษฎร์ ฯ สังเกตได้ว่ามีคนมาปั่นจักรยานกันเยอะเหมือนกัน และหลายคนก็จอดรถบนสะพานเพื่อชมวิวยามเย็นเรื่อยไปจนถึงค่ำคืน

ที่ต้องระวังหน่อยคือมีรถขนาดใหญ่ประเภทรถพ่วงใช้สะพานแห่งนี้ไม่น้อย ดังนั้นอย่าถ่ายภาพหรือเดินเล่นเพลินจนโดนรถทับก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิอิ

DSC_0317

DSC_0379

19:00

มื้อค่ำที่ภัตตาคารลัคกี้ … 555 ไม่ต้องตกใจครับว่าแนะนำภัตตาคารกันเลยเหรอ … คือผมลองหาร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำที่ไม่ใช่ประเภทซีฟู้ดแล้วเพื่อน ๆ บน facebook หลายคนแนะนำร้านนี้ก็เลยต้องมาลองหน่อย อันที่จริงที่นี่ไม่ได้เป็นภัตตาคารหรูหราระดับ 5 ดาวอะไรหรอกครับ แต่คงเปิดมานานแล้วและร้านอาหารสไตล์นี้ในสมัยก่อนก็เรียกกันว่าภัตตาคาร ร้านนี้อยู่ในตัวเมืองสุราษฎร์ ฯ มีที่จอดรถให้พอประมาณ (วันไหนคนเยอะอาจไม่พอ อิอิ) … เสียดายที่มื้อก่อนหน้าจัดเต็มมาก มาถึงที่นี่ก็เรียกได้ว่ายังอิ่ม ๆ อยู่ เลยไม่ได้ทดลองอะไรพิเศษหวือหวาและหลากหลายมาก แต่รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยดีครับ

DSC_0812

20:00

กิจกรรมถัดไปไม่มีภาพมาฝากครับ แต่อยากจะบอกว่าเป็นสิ่งที่ปรับทับใจที่สุดในทริปนี้เลย นั่นคือการล่องเรือชมหิ่งห้อยที่คลองร้อยสายครับ … การชมหิ่งห้อยจะขึ้นเรือที่ท่าบริเวณหน้าเมือง ใกล้ ๆ กับจุดที่วางขายผลไม้เยอะ ๆ   โดยโทรนัดแนะเวลากันกับคนขับเรือ เพราะไม่ได้ประจำอยู่ที่ท่าตลอดเวลา (เบอร์โทรแปะไว้ตรงเสาไฟฟ้าแถว ๆ นั้น … ถ่ายภาพไว้ในมือถือกะจะเอามาบอกเพื่อน ๆ แต่เผลอลบตอนไหนก็ไม่รู้ T T)

ปกติแล้วถ้าไปกันหลายคน พี่เขาจะคิดค่านำเที่ยวเป็นรายหัว หัวละ 50 บาท   แต่เนื่องจากเราไปกันแค่ 2 คนพี่เขาก็เลยคิดราคาเหมาที่ 300 บาท

เรือนำเราออกจากท่ามุ่งตรงไปตามสายหลักของแม่น้ำตาปี ก่อนจะเบนเข้าสายรองที่บ้านเรือนริมน้ำค่อย ๆ บางตาลงไป เหลือเพียงความมืดมิดของบรรยากาศโดยรอบ … อันที่จริงการชมหิ่งห้อยนั้นควรมาชมในคืนเดือนมืด เพื่อที่จะได้เห็นแสงจากหิ่งห้อยชัดที่สุด แต่วันที่เรามาเป็นข้างขึ้น อย่างไรก็ตาม แสงสว่างสลัว ๆ แบบนี้ทำให้ได้อารมณ์อีกแบบเพราะสามารถมองเห็นต้นไม้และบรรยากาศต่าง ๆ ได้ราง ๆ …

เมื่อมาถึงจุดที่มีต้นลำพูขึ้นริมฝั่ง เราก็เริ่มเห็นหิ่งห้อยส่องแสงกระพริบอยู่ตามต้นลำพูเหล่านั้น เรือค่อยเบาเครื่องลงนำเราผ่านต้นลำพูไปทีละต้น ๆ … ณ ตอนนี้ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะบันทึกภาพตรงหน้าเป็น vdo แต่ด้วยความมืดขนาดนี้จึงทำให้ไม่สามารถบันทึกความงดงามตรงหน้าได้อย่างที่คาดหวัง … เรือแล่นไปได้ระยะหนึ่งก็เบนหัวกลับแล้วนำเรามาลอยลำนิ่ง ๆ ใกล้ต้นลำพูต้นหนึ่งที่มีหิ่งห้อยเยอะสุด … บอกตรง ๆ ว่าจำนวนหิ่งห้อยนั้นเยอะกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นแบบไหนให้ลองคิดถึงต้นคริสมาสต์ครับ แต่แบบนี้มันมีชีวิตชีวากว่าเยอะเลย

21:00

กลับจากชมหิ่งห้อยผมเดินเลียบแม่น้ำตาปีไปยังบริเวณที่จัดกิจกรรมถนนคนเดินซึ่งมีทุกวันเสาร์ …ใกล้ ๆ กันมีหุ่นตัวละครจีน (น่าจะจัดแสดงในช่วงตรุษจีนที่ผ่านไปหมาด ๆ) แถมด้วยหุ่นที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสมาสต์ด้วย (คงโชว์ยาวตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่โน่นเลย) … สำหรับบริเวณถนนคนเดินก็คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นที่ออกมาเดินกินลมชมบรรยากาศและถือโอกาสเลือกช็อปปิ้งสินค้าราคาประหยัดจำพวกของแฟชั่นต่าง ๆ ไปจนถึงของประดับและอาหารทานเล่น นับเป็นอีกกิจกรรมปิดท้ายของวันที่ไม่ควรพลาด หากเพื่อน ๆ มาในคืนวันเสาร์

DSC_0829

ปล.

ทริปนี้ ผมใช้ Google map ในการค้นหาสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เป็นร้านอาหาร พบว่า Google นำหลงไปหลายครั้งมาก เพราะจุดที่ปักหมุดไม่ได้เป็นที่ตั้งของสถานที่นั้นจริง ๆ … จึงอยากบอกเพื่อน ๆ ที่จะพึ่งพา Google ว่าให้ระมัดระวังด้วยครับเพราะร้านอาหารหลายแห่งคงไม่ได้เข้าแก้ไขที่อยู่จริง ๆ ให้ถูกต้อง … สุดท้ายผมต้องพึ่งพาเวปไซต์ wongnai ที่บอกที่อยู่แม่นยำกว่ามาก (ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบถ่ายภาพก็ติดตามผลงานได้ที่ fb page 9Mot-Photography , instagram @9mot ครับ