Select Page

ปฐมบท – Italy สวยครบสูตร … “หมู่บ้านริมผา-ทุ่งหญ้า-ป่าเขา-เมืองเก่า-ทะเลสาบ” by 9MOT

เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกันแล้วที่ผมเดินทางไปเที่ยวยุโรปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่บอกตรง ๆ เลยว่าหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมอง Italy อยู่ในสายตาเลย … คงเป็นเพราะภาพของ Italy ที่เห็นบ่อย ๆ นั้นเป็นแนวสถาปัตยกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ และตัวผมเองก็ไม่ได้หลงใหลการท่องเที่ยวแนวนี้มากนัก ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และศิลปะก็แค่เท่าหางแมงสาบเท่านั้น หุหุ จะว่าไปก็ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับเพราะเวลาไปเจองานสถาปัตยกรรมแถบยุโรปเข้าจริง ๆ อ้าปากค้างกับความงามทุกที อิอิ แต่ก้นบึ้งลึก ๆ มันสั่งงานสมองให้เอนเอียงไปทางการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติมากกว่า แผนการท่องเที่ยวถ่ายภาพของผมจึงเทใจไปกับแหล่งท่องเที่ยวแนวป่า-เขา-ทุ่งหญ้าและทะเลสาบเป็นส่วนใหญ่

แต่แล้วเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต คืนวันหนึ่งขณะเล่น facebook ก่อนเข้านอนตามปกติ ก็มีภาพสถานที่แห่งหนึ่ง feed เข้ามาบน timeline … โอ้วแม่เจ้า สวยเว้ยเฮ้ย มันที่ไหนกันนี่ … ค้น ๆ ๆ ๆ หา ๆ ๆ ๆ ข้อมูล … ในที่สุดก็เจอว่าสถานที่แห่งนี้เรียกว่า Dolomites เมื่อเริ่มได้เบาะแสก็ค้นหาต่อจนได้หลักฐานมัดใจอีกเพียบโดยเฉพาะ Tuscany ที่ยิ่งทำให้ฮอร์โมนท่องเที่ยวพลุ่งพล่าน ต่อมเดินทางแทบระเบิด และแล้วผู้ต้องหาที่ชื่อ Italy ก็ถูกหลักฐานมัดแน่นจนเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาในที่สุด

ได้เวลาอันสมควรฤกษ์แล้ว จึงขอเปิดกระทู้นี้เป็นปฐมบท เล่าภาพรวมของทริปก่อนที่จะเจาะลึกแต่ละสถานที่ในกระทู้ต่อ ๆ ไป … แต่น แตน แต๊น

ภาพแรกขอเป็นภาพธงชาติของ Italy ละกันครับเพื่อให้เกียรติสถานที่ ☺

italy-trip-banner

สำหรับทริปนี้เดิมทีตั้งใจว่าจะลงเครื่องที่ Munich ประเทศเยอรมันเพื่อเก็บตกเส้นทางสวย ๆ แถบ Bavaria ก่อนจะเดินทางเข้า Italy แต่เมื่อนำมารวมกับสถานที่ต่าง ๆ ใน Italy ที่ถูกบรรจุเข้าทริปแบบแกะไม่ออกแล้วปรากฏว่า 14 วันที่มีอยู่นั้นคงไม่เพียงพอเป็นแน่ และการหางานใหม่หากต้องลาพักร้อนมากขึ้นในวัยขนาดนี้คงไม่สนุกแน่ ก็เลยเป็นอันว่าทริปนี้มุ่งหน้าไป Italy เลยละกัน .. แต่ก็มีวันท้าย ๆ ที่ชะแว๊ปเข้าไปสูดอากาศในทุ่งหญ้าของ Swiss เล็กน้อยเป็นของแถมให้ลูกทัวร์ อิอิ

มาดูแผนที่การขับรถท่องเที่ยว Italy ด้วยตัวเองของผมกันครับ

Italy-trip-map

ทริปนี้เริ่มจากลงเครื่องที่ Milan ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลักทางตอนเหนือของ Italy จากนั้นจึงขับรถมุ่งลงทางใต้และเริ่มท่องเที่ยว 5 หมู่บ้านเล็ก ๆ Cinque Terre บนหน้าผาริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน … ถัดมาเรามุ่งหน้าสู่แคว้น Tuscany ดินแดนอันอุดมไปด้วยเนินทุ่งหญ้าอันงดงามและเมืองเก่าเลื่องชื่อ โดยไม่ลืมที่แจะแวะทักทายหอเอนเมือง Pisa ซึ่งเป็นทางผ่าน… และเมือง Florence, นครหลวงแห่งแคว้น Tuscany เป็นจุดสุดท้ายที่เราอำลาแคว้นแห่งนี้ก่อนที่จะมุ่งหน้าขึ้นเหนืออีกเพื่อเยือน Venice ที่สุดแห่งความคลาสสิคบนเกาะเล็ก ๆ ในทะเลเอเดรียตริก … ดื่มด่ำกับความงดงามของ Venice ได้ 2 คืนเราก็เปลี่ยนบรรยากาศขึ้นไปสัมผัสความสดชื่นบนขุนเขาของ Italy ที่เมืองเล็ก ๆ ซึ่งรายล้อมด้วยเทือกเขา Dolomites … จากนั้นจึงขับรถผ่านชายแดน Swiss เพื่อดื่มด่ำกับความงามของทุ่งดอกไม้และลมเย็น ๆ ริมทะสาบ ก่อนที่จะข้ามกลับมาพักผ่อนสบาย ๆ ริมทะเลสาบ Como ของ Italy อีกครั้ง … ทริปนี้ปิดท้ายที่ Milan เมืองแห่งแฟชั่นและศิลปะของ Italy นับรวมแล้วเป็น 13 วันเต็ม ๆ ของการเดินทางที่ยืนยันว่า Italy สวยครบสูตรจริง ๆ ทั้ง “หมู่บ้านริมผา-ทุ่งหญ้า-ป่าเขา-เมืองเก่า-ทะเลสาบ”

การเดินทาง

การเดินทางของทริปนี้ใช้วิธีการเช่ารถขับ เป็นรุ่น Benz Vito มี 9 ที่นั่ง แต่เราไปกัน 6 คน จึงมีพื้นที่เหลือเก็บสัมภาระแบบสบาย ๆ ให้สาว ๆ ในกลุ่มได้ Shopping เพื่อแลกกันกับที่ต้องรอเวลาผมแวะถ่ายภาพข้างทางบ่อย ๆ อิอิ … ใช้รถในทริปนี้ 12 วัน (คืนรถก่อนเดินทางกลับ 1 วัน โดยวันสุดท้ายใช้วิธีนั่งรถไฟเข้าไปเที่ยวเมือง Milan และกลับสนามบิน) รวม 2100 กม … จ่ายค่าน้ำมันไป 325 ยูโร (ค่าน้ำมันดีเซลที่โน่นราว 1.65-185 ยูโร/ลิตร) แตค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าที่คิดมากก็คือค่าทางด่วนนี่แหละครับ เฉพาะวันแรกที่เดินทางจาก Milan ไป Cinque Terre ก็เกือบ ๆ พันบาท แถมจ่ายตังค์ไม่เป็นเกือบออกจากทางด่วนไม่ได้อีก ไว้ค่อยเล่าในรายละเอียดละกันครับว่าสุดท้ายแล้วผมทำยังไง.. วันหลัง ๆ ก็เลยพยายามใช้ถนนเส้นรอง เว้นแต่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็จะใช้ทางด่วนในการเดินทาง

นี่เลยครับเจ้า Benz Vito 9 ที่นั่ง เป็นรถที่สมรรถภาพดีทีเดียว แต่การใช้งานใน Italy จะลำบากสักหน่อย โดยเฉพาะในเมืองเล็ก ๆ เพราะถนนที่นี่แคบมาก ๆ เวลาสวนกับชาวอิตาเลียนที่ขับรถเร็วแถมไม่ชะลอแล้วด้วยล่ะก็ เสียวอย่าบอกใคร

นี่เลยครับเจ้า Benz Vito 9 ที่นั่ง เป็นรถที่สมรรถภาพดีทีเดียว แต่การใช้งานใน Italy จะลำบากสักหน่อย โดยเฉพาะในเมืองเล็ก ๆ เพราะถนนที่นี่แคบมาก ๆ เวลาสวนกับชาวอิตาเลียนที่ขับรถเร็วแถมไม่ชะลอแล้วด้วยล่ะก็ เสียวอย่าบอกใคร

อาหารการกินที่โน่น ผมใช้วิธีเตรียมข้าวสาร-อาหารกระป๋องและเครื่องปรุงสำเร็จรูปไปบางส่วน ที่เหลือก็เลือกทานร้านอร่อย ๆ หรือตามสะดวก ทำให้ได้ชิมอาหารรสชาติอิตาเลียนแท้ ๆ ตามภูมิภาคต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็แก้เลี่ยนด้วยการซื้อของสดมาทำอาหารไทยพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ เป็นบางมื้อ … การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยประหยัดค่าอาหารได้มากแล้ว ยังทำให้ไม่เบื่ออาหารมากเกินไปเพราะต้องบอกไว้เลยว่าความหลากหลายของอาหารที่โน่นไม่เหมือนบ้านเรา สลัดของเขาส่วนใหญ่ก็มีแต่ผัก dressing ใช้น้ำมันมะกอกกับ Balsamic … ทุกร้านขายเมนูคล้าย ๆ กันโดยมี Pizza กับ Pasta ที่อุดมไปด้วย Cheese และจานหลักที่เป็นพวกเนื้อต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราสั่งหลาย ๆ อย่างมาทานแชร์กัน โดยร้านอาหารที่นี่ก็ไม่ว่าอะไร อาจแปลกใจนิดหน่อยว่าสั่งแค่นี้จะอิ่มเหรอ 555

การที่ต้องทำอาหารทานเองเป็นบางมื้อ ทำให้การเลือกที่พักของผมเน้นไปเป็นแบบที่เป็น Apartment ซึ่งมีครัวอยู่ด้วย โดยจองผ่าน Airbnb และ booking.com … ส่วนใหญ่ก็ไม่ผิดหวังครับเพราะเลือกจากที่มี review rating ดี ๆ ทำให้ได้บ้านอยู่ในทำเลที่สวยงามและบริการดี จะมีปัญหาบ้างก็ตรงการติดต่อสื่อสารกับเจ้าของบ้านที่ค่อนข้างลำบากเพราะส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้หรือไม่ได้เลย บางแห่งก็หาคนข้างบ้านมาช่วยแปลให้ บางแห่งก็ใช้ภาษามือเอา ที่สนุกหน่อยก็เป็นเรื่องของการหาตำแหน่งบ้าน เพราะบางหลังอยู่บนยอดเขาในเมืองเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีใครรู้จัก ตอนขับไปก็ใจเต้นไปเพราะถนนแคบชนิดที่รถสวนไม่ได้ แต่พอถึงที่พักและได้เห็นวิวก็ลืมความกลัวเป็นปลิดทั้ง …นับเป็นอีกรสชาตินึงของการเดินทางที่หาไม่ได้จากการท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ อิอิ

DSC_5711

ในเมืองสบาย ๆ ไม่พักครับ มาเที่ยวกับนายมดต้องลำบากลำบนขึ้นไปบนเขาแบบนี้

เพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร เราซื้อ Sim internet ของ Vodafone สำหรับใช้กับ iPad mini เพื่อใช้ Google map และดูข้อมูลเดินทางซึ่งผมเก็บสำรองไว้ใน dropbox รวมถึงไว้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ทราบว่าเป็นการตัดสินใจเลือกบริษัทผิด หรือ internet ของที่นี่เหมือนกันหมดแน่ เพราะสัญญาณและความเร็วไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลแบบที่ผมเดินทางไป จะพึ่งพา internet ของที่พักก็ส่วนใหญ่ไม่ค่อย work ต่างกับโรงแรมบ้านเราเหมือนอยู่กันคนละโลก ไม่อยากเชื่อว่าจริงๆ นี่คือประเทศในแถบยุโรป แถม 3-4 วันสุดท้ายนี่ internet ใช้งานไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตาม package แล้วต้องใช้ได้ถึง 7 GB แต่นี่เพิ่งจะใช้ได้แค่ 1.3 GB เอง Sim ก็โดน lock ซะแล้ว เซ็งเบย … ใครจะซื้อ Package internet ใช้ที่นี่ก็ศึกษากันดี ๆ ก่อนนะครับจะได้ไม่หลุดไปอยู่ในยุคไร้การสื่อสารเป็นอาทิตย์เหมือนผม  🙁

อย่างที่เกริ่นไปแล้วครับว่าเป้าหมายของแต่ละทริปของผมนั้นเน้นไปที่การถ่ายภาพ ซึ่งทริปนี้ก็ตระเตรียมอุปกรณ์ไปเต็มพิกัดเพื่อให้ตอบสนองการถ่ายภาพที่หลากหลาย ก่อนที่จะชมภาพสวย ๆ ของทริปกันต่อ ขอแนะนำเพื่อนร่วมทริปสุด love กันก่อนเริ่มที่กล้อง Nikon D7100 ซึ่งเป็นพี่ใหญ่บน DX format ของค่าย Nikon ที่ใช้งานได้ดีทั้งภาพนิ่งและ VDO ทำให้คล่องตัวต่อการใช้งาน ส่วนเลนส์ที่นำไปนั้นเริ่มจาก wide สุดคือ Nikon 10-24 f3.5-4.5 สำหรับเก็บภาพสถาปัตยกรรมและ landscape แบบกว้าง ๆ ซึ่งภาพจากเลนส์ตัวนี้ที่ช่วง wide สุดจะให้มุมมองที่ดูแปลกตาน่าสนใจ … ตัวต่อมาเป็นเลนส์พิมพ์นิยมของ Nikon 17-55 f2.8 ที่ใช้ติดกล้องเป็นหลักเพราะรูรับแสงที่กว้างคงที่และคุณภาพของเลนส์เกรดโปรซึ่งให้ความคมชัดสูงสุด … สุดท้ายคือเจ้า Nikon 70-200 f4 ที่ซื้อจาก Belgium เมื่อทริปปีที่แล้วนี่เอง ไว้สำหรับถ่ายภาพช่วงเทเลซึ่งให้ความคมชัดสูง หลังละลายสวยงาม มี VR สำหรับถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ๆ ได้โดยที่ยังคงความคมชัดไว้ได้อย่างดี ที่สำคัญน้ำหนักไม่มากเกินไปเหมือนพี่ใหญ่ที่เป็น f2.8 … ที่เหลือก็เป็น Flash SB800 ที่ติดตัวไปด้วยแต่ไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย อิอิ

เบื้องหลังภาพสวย ๆ ของทริปนี้ครับ 555 (ในภาพยืม D600 ของพี่ที่ร่วมทริปไปด้วยเป็นแสตนอินน์ครับ อิอิ)

เบื้องหลังภาพสวย ๆ ของทริปนี้ครับ 555 (ในภาพยืม D600 ของพี่ที่ร่วมทริปไปด้วยเป็นแสตนอินน์ครับ อิอิ)

เกริ่นมาซะยาว ได้เวลา survey แบบคร่าว ๆ แล้วครับว่าแต่ละเมืองของทริปนี้หน้าตาเป็นอย่างไร …

ทริปนี้ผมเดินทางจากภูเก็ตสู่กรุงเทพฯ ด้วยสายการบินนกแอร์ … พักเอาแรงที่กรุงเทพฯ หนึ่งคืนก่อนที่จะต่อเครื่องของสายการบิน Emirate ในช่วงสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้นสู่ Milan โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Dubai ราว 3 ชั่วโมงและถึงจุดหมายราว 2 ทุ่มเศษของวันเดียวกัน … ผมเลือกพักที่โรงแรมใกล้ ๆ สนามบิน Malpensa และออกเดินทางสู่จุดหมายแรกของทริป Cinque Terre ในเช้าวันรุ่งขึ้น

Cinque Terre (ชิงเกวแตร์เร) แปลแบบตรงตัวว่าแผ่นดินทั้ง 5 … เอ่อ คือผมไม่ได้แปลออกหรอกนะครับ อ่านของเค้ามาอีกที อิอิ … ซึ่งแผ่นดินทั้ง 5 นี้หมายถึงหมู่บ้านบนหน้าผาริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 5 แห่งที่ตั้งอยู่ในแถบนี้อันได้แก่ Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola, และ Riomaggiore นั่นเอง

สำหรับการท่องเที่ยวที Cinque Terre นั้นผมใช้ La Spazia ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่บ้านทั้ง 5 เป็นที่พัก แล้วใช้วิธีการนั่งรถไฟเที่ยวเอา เพราะที่พักในหมู่บ้านทั้ง 5 สำหรับ 6 คนนั้นหายากเหลือเกิน อันที่จริงก็มีว่างนะครับแต่เทียบราคากับสภาพห้องแล้วไม่น่าประทับใจ อีกอย่างการขับรถและการจอดรถที่หมู่บ้านทั้ง 5 นั้นค่อนข้างจะไม่สะดวกเท่ากับการจอดรถไว้ที่เมือง La Spazia แล้วนั่งรถไฟครับ

ถึงแม้ผมจะเห็นทะเลแทบทุกวันเพราะเป็นเด็กเกาะ แต่ก็ยอมรับว่าการได้เห็นทะเลแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันจนอดตื่นเต้นไม่ได้

ทะเลสี turquoise กับพระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่มครึ่งช่างประทับใจดีแท้

ทะเลสี turquoise กับพระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่มครึ่งช่างประทับใจดีแท้

DSC_1386

จุดชมวิวที่ Manarola

วันถัดมาซึ่งเป็นวันที่ 2 ของทริปนี้หากไม่นับรวมวันเดินทาง เรามุ่งสู่แคว้น Tuscany ของ Italy แต่ระหว่างทางก็ขอแวะถ่ายภาพคู่กับหอเอนเมือง Pisa กันซะหน่อย

DSC_1722

ถ่ายภาพที่นี่ยากหน่อย เพราะมีแต่คนยื่นอวัยวะส่วนต่าง ๆ ไปพิงกับหอเอน และมักจะยื่นเข้ามาในเฟรมของเราด้วย อิอิ

จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เมือง Monterriggioni ซึ่งเป็นที่พักของเรา … อันที่จริงตั้งใจว่าจะแวะเที่ยวเมือง Sam Gimignano แต่ถนนระหว่างเดินทางปิดซ่อมทำให้เรต้องขับรถย้อนไปย้อนมาหลายรอบจนคิดว่าตรงเข้าบ้านพักเลยดีกว่า เย็นวันนั้นจึงทำได้เพียงเก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักเท่านั้น

ภาพนี้ถ่ายที่ทุ่งหญ้าแถว ๆ หน้าบ้านพักครับ  โชคดีมากที่ดอกป๊อปปี้กำลังบานสะพรั่งเลยใช้เป็นฉากหน้าซะเลย

ภาพนี้ถ่ายที่ทุ่งหญ้าแถว ๆ หน้าบ้านพักครับ โชคดีมากที่ดอกป๊อปปี้กำลังบานสะพรั่งเลยใช้เป็นฉากหน้าซะเลย

วันต่อมาซึ่งเป็นวันที่ 3 ของทริป เรากลับไปเก็บตก Sam Gimignano กัน ซึ่งใช้เวลากันที่นี่นานมาก เพราะเพื่อนร่วมทริปสนุกสนานกับการช็อปปิ้งกระเป๋าหนังแท้ แบรนด์ท้องถิ่น ดีไซน์สวยกัน ส่วนผมก็เก็บภาพเมืองแห่งนี้เกือบทุกซอกทุกมุม

ที่เมืองนี้ได้ใช้เลนส์ครบทุกตัว  โดยเฉพาะ Nik 10-24 ที่เก็บภาพมุมกว้างได้แบบสะใจ  แต่ตอนถ่ายต้องระวังเรื่องระนาบให้ดี ไม่เช่นนั้นภาพที่ได้จะบิดเบี้ยวมากเกินไปอันเนื่องมาจากธรรมชาติของเลนส์ wide นั่นเอง

ที่เมืองนี้ได้ใช้เลนส์ครบทุกตัว โดยเฉพาะ Nik 10-24 ที่เก็บภาพมุมกว้างได้แบบสะใจ แต่ตอนถ่ายต้องระวังเรื่องระนาบให้ดี ไม่เช่นนั้นภาพที่ได้จะบิดเบี้ยวมากเกินไปอันเนื่องมาจากธรรมชาติของเลนส์ wide นั่นเอง

ช่วงบ่ายของวันเราแวะเมือง Siena ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของแถบนี้ เสียดายที่เราใช้เวลาใน Sam Gimignano นานไปสักหน่อย จึงมาถึงที่ Siena ในตอนเย็น แม้ว่าแสงจะยังมีอยู่เพราะเป็นช่วงต้นฤดูร้อนแต่พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ และโบสถ์ปิดหมดแล้ว จึงได้แต่เพียงเก็บบรรยากาศภายนอกเท่านั้น

DSC_2578

Nik 10-24 ยังคงใช้ได้ดีกับ Siena เช่นกัน เพราะสิ่งปลูกสร้างที่นี่ใหญ่โตอลังการจริง ๆ

DSC_2600

มาถึงช้าไปหน่อย ปิดการเข้าชมแล้ว จึงได้เพียงเก็บภาพจากด้านนอก

ออกจาก Siena เรามุ่งลงใต้ไปยังเมืองซึ่งเป็นที่พักที่มีชื่อว่า Monticchiello เมืองเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Pienza นับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่บรรยากาศสวยงามมาก … ระหว่างทางทิวทัศน์ทุ่งหญ้าของ Tuscany สวยงามมาก แม้ฝนจะตกพรำ ๆ แต่ก็ไม่ได้ลดความงามลงไปเลย

ถึงฝนจะตกแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะแวะถ่ายภาพที่มุมมหาชนแห่งนี้

วันที่ 4 เราใช้เวลากับการเที่ยวเมืองใกล้ ๆ ที่พักได้แก่ Montepulciano และ Pienza และแวะถ่ายภาพที่จุดถ่ายภาพสำคัญ ๆ ของแคว้น Tuscany

DSC_2948

เมือง Pienza ตั้งอยู่บนเนินเขาสวยงามมาก

 Montepulciano  อีกเมืองที่นอกจากจะได้ชมความงามของตึกเก่า ๆ แล้ว ยังมีไวน์เลิศรสและเครื่องหนังสวย ๆ ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

Montepulciano อีกเมืองที่นอกจากจะได้ชมความงามของตึกเก่า ๆ แล้ว ยังมีไวน์เลิศรสและเครื่องหนังสวย ๆ ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

อีกหนึ่งมุมมหาชน The Chapel of Vitaleta  ใกล้ ๆ เมือง San Quirico d'Orcia ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือน Tuscany

อีกหนึ่งมุมมหาชน The Chapel of Vitaleta ใกล้ ๆ เมือง San Quirico d’Orcia ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือน Tuscany

997_3366

ภาพนี้ถ่ายริมทางระหว่างเดินทางกลับที่พัก เนื่องจากถนนแคบมากไม่สามารถจอดรถลงไปตั้งขาตั้งกล้องได้ จึงต้อง boost ISO ขึ้นไปมากโข ขอบคุณ D7100 และ Nik 70-200 VR ที่ช่วยให้ได้ภาพสวยภาพนี้

วันถัดมาเราขับย้อนกลับขึ้นทางเหนือเพื่อไปยัง Florence โดยแวะ Shopping ที่ The Space Outlet … วันนี้เราใช้เวลาหาที่พักกันนานโข เพราะตั้งอยู่ในไร่บนเนินเขาห่างจากตัวเมือง Florence ออกมาพอสมควร และ GPS ที่เช่ามาก็ไม่ update พาหลงไปหลงมาซานาน สุดท้ายต้องโทรหาคุณป้าเจ้าของบ้านออกมารับไปยังบ้านในสวนของเธอ อิอิ

เรายังพอมีเวลาอยู่ ก็เลยใช้เวลาที่มีอยู่ในช่วงบ่ายเข้าไปเที่ยว Florence กัน และถ่ายภาพกันจนค่ำเช่นเคย

997_3719

เดินบันไดขึ้นไปเก็บภาพบนยอด Duomo ทำเอาหอบไปหายแฮกเหมือนกัน แต่วิวของเมือง Florence สวยงามคุ้มค่าจริง ๆ

แสงสุดท้ายของวันที่ Ponte Vecchio  สะพานคู่บ้านคู่เมือง Florence

แสงสุดท้ายของวันที่ Ponte Vecchio สะพานคู่บ้านคู่เมือง Florence

วันที่ 6 ของทริป เข้าไปเก็บตกบรรยากาศของ Florence ช่วงเช้าอีกครั้ง แต่อากาศไม่เป็นใจนัก วันนี้จึงเป็นการถ่ายภาพแบบเนือย ๆ ไร้แรงบันดาลใจ

แถมการเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวของเมือง Florence ใช้เวลานานกว่าที่คิดมาก เพราะเส้นทางของรถบัสสาย 12 พาเราอ้อมชมเมืองซะคุ้มเลย … ในใจแอบคิดว่าตรู้ต้องการขึ้นไปแบบตรง ๆ เฟ้ย ไม่ได้อยากชมเมือง ☹

DSC_3959

ฟ้าหมองภาพก็เลยหม่น ผมก็เลยเก็บภาพมาไม่เยอะนักครับ

ช่วงบ่ายเราขับรถขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อไปยัง Venice โดยพักที่แผ่นดินใหญ่เพราะไม่อยากปวดหัวกับการหาที่จอดรถบนเกาะ ซึ่งมีแผนจะนั่งรถบัสซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาทีไปยัง Venice ในเช้าวันรุ่งขึ้น

วันที่ 7 ครึ่งแรกของทริป .. วันนี้ตามพยากรณ์แล้วอากาศไม่ดีมีฝนตก แต่ตอนเช้าของวันฟ้ากลับแจ่มซะงั้น ผมก็เลยไม่รอช้าเดินทางไปยัง Murano หมู่บ้านทำเครื่องแก้วและ Burano เกาะที่มีบ้านเรือนสีสันสดใสใกล้ ๆ Venice ทันที เพราะอากาศแบบนี้แหละจึงถ่ายภาพสวยนักแล

บ้านสีสันตระการตาที่ Burano

บ้านสีสันตระการตาที่ Burano

ช่วงบ่าย ๆ นั่งเรือกลับมาเก็บภาพบรรยากาศที่ Venice กันต่อจนค่ำ

ที่ Venice ผมใช้เทเล 70-200 f4 มากเป็นพิเศษ

ที่ Venice ผมใช้เทเล 70-200 f4 มากเป็นพิเศษ

บรรยากาศยามค่ำริมน้ำที่ Venice

บรรยากาศยามค่ำริมน้ำที่ Venice

วันรุ่งขึ้น ผมนั่งบัสเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าที่ Venice อีกครั้งและเข้าชมโบสถ์ St Marco ซึ่งตลอด 2 วันนี้ เราซื้อตั๋วแบบ 36 ชั่วโมง ทีใช้ได้ทั้งรถบัส และเรือโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

อีกหนึ่งมุมมหาชนของ Venice, “Bridge of sighs” ที่แสดงให้เห็นว่า D7100 ตอบสนองเรื่อง Dynamic range ดีมาก ๆ

อีกหนึ่งมุมมหาชนของ Venice, “Bridge of sighs” ที่แสดงให้เห็นว่า D7100 ตอบสนองเรื่อง Dynamic range ดีมาก ๆ

หันไปทางไหนก็ถ่ายภาพได้หมดเลยครับสำหรับเวนิซ ในภาพคือสะพานเรอัลโต

หันไปทางไหนก็ถ่ายภาพได้หมดเลยครับสำหรับเวนิซ ในภาพคือสะพานเรอัลโต

วันนี้เป็นอีกวันที่มีเวลาให้สาว ๆ shopping กันสบาย ๆ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อในช่วงบ่ายสู่ Dolomites

วันนี้ถึงเมือง Valle di Cadore ที่พักในแถบ Dolomites ก็เกือบจะมืดแล้ว เพราะถนนปิดซ่อมจนทำให้เราต้องหาเส้นทางใหม่กันให้วุ่น แต่วิวที่พักทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย

DSC_4652

ที่พักตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา วิวจากระเบียงห้องพักงดงามอย่างที่เห็นครับ แม้อากาศไม่เป็นใจแต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความงดงามของธรรมชาติ

วันที่ 9 ของการเดินทาง ให้เวลากับการสำรวจ Dolomites แบบเต็ม ๆ … แม้อากาศไม่เป็นใจ แต่ได้ซึมซับบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแถบนี้ และธรรมชาติอันงดงามตลอดสองข้างทาง

ดอกไม้สวยๆ นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างของยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ

ดอกไม้สวยๆ นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างของยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ

Lake Misurina ที่วันนี้แทบจะไร้ซึ่งภาพของเทือกเขาด้านหลัง  เป็นอีกจุดนึงที่ผมต้องอกหักเพราะอากาศไม่เป็นใจ

Lake Misurina ที่วันนี้แทบจะไร้ซึ่งภาพของเทือกเขาด้านหลัง เป็นอีกจุดนึงที่ผมต้องอกหักเพราะอากาศไม่เป็นใจ

เมืองใหญ่สุดในแถบ Dolomites, Cortina

เมืองใหญ่สุดในแถบ Dolomites, Cortina

คืนนี้เราเปลี่ยนที่พักไปยังเมือง Funes ที่ยังคงอยู่ในแถบ Dolomites เป็นอีกเมืองที่มีจุดถ่ายภาพอันเป็น icon ของ Dolomites … เช่นเคยครับ กว่าจะถึงก็เกือบจะมืดแล้ว และเส้นทางก็ต้องไต่เขาไม่แพ้เมืองอื่น ๆ แถบนี้ แต่วิวจากห้องพักก็คุ้มแสนคุ้ม

DSC_5156

บรรยากาศอันสวยงามหน้าบ้านพักที่ Funese

เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่ 10 ของทริป (ไม่นับวันเดินทาง) เราเก็บภาพบรรยากาศทุ่งหญ้าบนเนินเขาของแถบ Dolomites ที่มีบรรยากาศคล้าย ๆ กับ Swiss และ Austria

ผมว่าวิวจุดนี้คล้าย ๆ กับหมู่บ้านที่รถไฟสาย Golden pass ของ Swiss ผ่านมาก

ผมว่าวิวจุดนี้คล้าย ๆ กับหมู่บ้านที่รถไฟสาย Golden pass ของ Swiss ผ่านมาก

จากนั้นขึ้นชมทุ่งหญ้า Alpe di Siusi ที่สถานี A.G. Station ซึ่งเป็นกระเช้าเพียงแห่งเดียวที่เปิดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

อากาศยังคงไม่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ได้ทานกาแฟอุ่น ๆ ท่ามกลางวิวแบบนี้ก็มีความสุขไม่น้อย

อากาศยังคงไม่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ได้ทานกาแฟอุ่น ๆ ท่ามกลางวิวแบบนี้ก็มีความสุขไม่น้อย

ช่วงเย็นเราเดินทางไปยังที่พัก ณ เมือง Lasa ชายแดน Italy, Swiss และ Austria … ที่พักเป็นฟาร์มเล็ก ๆ อยู่บนยอดเขา .. แม้หนทางตอนขึ้นไปจะดูน่ากลัวมากเพราะแคบและสูงชัน แต่วิวทำให้ลืมความกลัวจนหมดสิ้น

ภาพนี้เป็นโบสถ์ริมทางก่อนถึงที่พักเล็กน้อย มองไปด้านล่างเห็นไร่แอปเปิ้ลที่ปลูกกันมากในแถบนี้  จริงๆ  แล้วจุดที่เรายืนสูงมาก แต่ภาพนี้ใช้เลนส์เทเลก็เลยดูเหมือน background ด้าหลังอยู่ใกล้กว่าปกติ

ภาพนี้เป็นโบสถ์ริมทางก่อนถึงที่พักเล็กน้อย มองไปด้านล่างเห็นไร่แอปเปิ้ลที่ปลูกกันมากในแถบนี้ จริงๆ แล้วจุดที่เรายืนสูงมาก แต่ภาพนี้ใช้เลนส์เทเลก็เลยดูเหมือน background ด้าหลังอยู่ใกล้กว่าปกติ

วันถัดมาเราจะเดินทางไปยัง Lake Como โดยใช้เส้นทางผ่านเมือง St. Moritz ของ Switzerland ..

บรรยากาศริมทางเปลี่ยนไปเป็นแนว Swiss ทันทีที่ข้ามชายแดน แม้ฟ้าจะไม่ใสแจ่ม แต่ก็พอมีแดดให้เราได้เบิกบานกับการถ่ายภาพทุ่งดอกไม้กับภูเขา

เห็นทุ่งดอกไม้แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะจอดรถลงมาถ่ายภาพ... เย้ ๆ ได้เที่ยว Swiss อีกแล้ว

เห็นทุ่งดอกไม้แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะจอดรถลงมาถ่ายภาพ… เย้ ๆ ได้เที่ยว Swiss อีกแล้ว

ขับชมวิวเรื่อย ๆ และข้ามแดนกลับมา Italy อีกครั้งจนถึง Lake Como … ฟ้ากลับมาหม่นหมองอีกครั้ง เย็นวันนี้ก็เลยทำอาหารทานกันริมระเบียงที่พักแบบง่าย ๆ และรีบพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวสำรวจ Lake Como วันรุ่งขึ้น

วันที่ 12 ของการท่องเที่ยว เราซื้อตั๋ว Day pass สำหรับขึ้นเรือ เพื่อชมเมืองต่าง ๆ ริมทะเลสาบ Como อันได้แก่ Varenna , Bellagio รวมถึง Villas Balbianello อันโด่งดัง

Verenna อีกหนึ่งเมืองสวยริมทะเลสาบ Como

Verenna อีกหนึ่งเมืองสวยริมทะเลสาบ Como

DSC_6055 copy

Bellagio … ที่อยู่ตรงรอยต่อแขนทั้งสองข้างของทะเลสาบที่เป็นรูปตัว Y

ต้องยอมรับเลยว่าสวนที่ Villas Balbianello สวยจริง ๆ

ต้องยอมรับเลยว่าสวนที่ Villas Balbianello สวยจริง ๆ

ออกจาก Lake Como แล้ว ผมก็นำเราไปคืนที่สนามบิน โดยมีแผนจะเที่ยว Milan วันรุ่งขึ้นด้วยรถไฟ เพราะไม่อยากขับรถเข้าไปในเมือง

วันที่ 13 เราปิดท้ายทริปกันที่ Milan โดยการนั่งรถไฟเข้าไปเที่ยวในเมือง แน่นอนว่า Highlight ของการถ่ายภาพอยู่ที่ Duomo ซึ่งผมถ่ายภาพได้ไม่เต็มที่นักเพราะที่นี่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมบางส่วน แถมด้านหน้ายังมีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมด้วย คาดว่าน่าจะเป็นคอนเสิร์ตขนาดใหญ่เพราะเห็นเตรียมเครื่องเสียงกันเต็มพิกัด

DSC_6594

งานนี้ต้องอาศัย Nik 10-24 อยู่บ่อย ๆ เพราะโบสถ์ทั้งสูงและใหญ่ เลนส์ช่วง 17-55 เก็บไม่ค่อยจะพอ

บ่าย ๆ เราก็อำลา Milan และ Italy เพื่อเดินทางไปยังสนามบินและนั่งเครื่อง flight ดึกของวันนั้นกลับเมืองไทย นับเป็นอีกทริปที่สุดแสนจะประทับใจ สำหรับรายละเอียดของแต่ละสถานที่ รวมถึงภาพประกอบแบบเต็มพิกัดก็รอชมได้ที่นี่เร็ว ๆ นี้ครับ ☺

pocket WIFI สำหรับใช้ในยุโรป

เพื่อน ๆ ที่ชอบผลงานภาพถ่ายก็ติดตามได้ที่ facebook 9MOT Photography 


10 Comments

  1. Cakespace

    สวัสดีค่ะ ไม่รู้ว่าเจ้าของ blog มีโอกาสเข้ามาเห็นคำถามนี้รึป่าว ชอบรีวิวมากๆเลยค่ะ เป็นแรงบันดาลใจอยากไปตามรอยตามนี้เลย อยากสอบว่า ไปเที่ยวมาช่วงไหนเหรอคะ ดูอากาศดีทุกวันเลย
    แล้วอยากรู็ค่าใช้จ่ายเรื่องการเช่ารถ รวม ค่า น้ำมัน ทางด่วน ที่จอดรถ ประกันรถทั้งหมด รวมแล้วประมาณเท่าไหร่เหรอคะ

  2. Areeda

    รบกวนสอบถามเรื่องการเช่ารถตู้. ต้องมีใบขับขี่พิเศษมั้ยคะ หรือ process อะไรต่างจากการเช่ารถปกติ. ขอบคุณมากคะพอดีอยากพาคุณพ่อแม่ไปเหมือนกัน

  3. นายมด

    #นายมด : ตอบให้ทางเมลแล้วนะครับ

    เลยยังไม่ได้เล่าเรื่องทางด่วนเลยพอดียากได้ข้อมูลเรื่องขับรถเข้าอิตาลีต้องซื้อสติกเกอรติดหน้ารถไหมค่ะหรือจ่ายเฉพาะตอนขึ้นทางด่วนค่ะ

  4. จัยทรา

    เลยยังไม่ได้เล่าเรื่องทางด่วนเลยพอดียากได้ข้อมูลเรื่องขับรถเข้าอิตาลีต้องซื้อสติกเกอรติดหน้ารถไหมค่ะหรือจ่ายเฉพาะตอนขึ้นทางด่วนค่ะ

  5. Thitipong Kingkaeo (9MOT)

    9MOT-ยินดีคร้าบ

    สุดยอดมากค่ะ…ทริปหน้า. รับป้าร่วมทีมด้วยคนดิ..

  6. จุไรรัตน์ พิมพา

    สุดยอดมากค่ะ…ทริปหน้า.
    รับป้าร่วมทีมด้วยคนดิ..

  7. Kanyarat Sisouvannasane

    ขอบคุณรีวิวดีๆ ภาพสวยๆค่ะ

    ขอตามลายแทงเลยนะคะ

  8. เเหม่ม

    ชอบDolomites มากค่ะ เสียดายไม่ได้ไปLake Misulina รูปสวยมากกกกก

  9. เเหม่ม

    สวยมากๆๆค่ะ ถ่ายรูปได้สวยสุดๆๆๆ

  10. mai

    อ่านแล้ว…ได้แรงบันดาลใจ….อยากไปขึ้นมาในบัดดล….ขอบคุณนะคะ สำหรับภาพสวยๆๆๆมาาาาาาาาาาาาาากกก ทุกภาพ….ข้อมูลดีดี…….ที่เขียนได้น่าอ่านมาากกก

    ไว้รออ่านอีกนะคะ่

Trackbacks/Pingbacks

  1. Italy สวยเวอร์ … ตอน “มนต์เสน่ห์แห่งเวนิส สวยไม่เกรงใจใคร” | Blog ท่องเที่ยว-ถ่ายภาพของนายมด | Travel & P - […] “ปฐมบท” – ภาพรวมของทริปและภาพ highlight เด็ด ๆ […]
  2. Italy สวยเวอร์ … “หมู่บ้านริมผา-ทุ่งหญ้า-ป่าเขา-เมืองเก่า-ทะเลสาบ” ตอน “เมืองริมผาสู่ทุ่งหญ้าส - […] ในรีวิวตอนปฐมบทก็ได้สรุปภาพรวมของทริปไปแล้วนะครับ ใครพลาดรีวิวนี้ก็ตามไปอ่านกันได้ที่ Link ด้านบนได้เลย … ก็อย่างที่เล่าไปแล้วครับว่าทริปนี้เป็นทริปเน้นถ่ายภาพเหมือนทุกครั้ง ซึ่งรอบนี้ใช้ Nikon D7100 พร้อมด้วยเลนส์ Nikon อีก 3 ตัวคือ Nikon 10-24 f3.5-4.5, 17-55 f2.8…
  3. Stay relaxed at Holiday Inn Resort Krabi Ao Nang Beach | Blog ท่องเที่ยว-ถ่ายภาพของนายมด | Travel & Photography blog by 9MOT - […] ตั้งแต่กลับจากทริปยาวที่อิตาลีมา ผมก็ยังไม่ได้พักผ่อนแบบเต็มที่เลยจริง ๆ เพราะมีงานมากมายที่คั่งค้างและรอให้จัดการมาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีโอกาสให้ได้ไปพักผ่อนริมทะเลกระบี่ก็เลยไม่ยอดพลาดเด็ดขาด อิอิ […]