Select Page

สัมผัสเมืองมรดกโลก … Cesky Krumlov

รีวิวทั้ง 9 ตอนของทริปนี้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ต่อจากตอนที่แล้ว  เราออกจากเมืองสุดแสนโรแมนติกอย่าง Hallstatt มุ่งตะวันออกสู่ประเทศ Czech โดยเมืองแรกที่เราจะแวะเที่ยวชมและค้างคืนกันเป็นแห่งแรกในประเทศนี้คือ Cesky Krumlov เมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO

และดังเช่นที่เกริ่นไว้แล้วในบทสรุปของทริปนี้ ว่าผมให้ความสำคัญในการเลือกที่พักใกล้จุดที่ต้องเดินท่องเที่ยว  โดยเมืองนี้เราพักกันที่ Penzion Gardena ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าเมืองเก่าเลย  วันแรกที่เรามาถึงในช่วงเย็นหลังจาก check in แล้ว  เราจึงมีแผนที่จะเดินเข้าไปสำรวจเมืองกันก่อนสักรอบ  สำหรับผมก็เพื่อหามุมถ่ายภาพในแสงช่วงเย็น  แต่สำหรับสาว ๆ ก็เป็นการช็อปปิ้งรอบแรก หุหุ

เรามาถึงที่ Cesky Krumlov พร้อม ๆ กับสายฝนปรอย ๆ จึงต้องรอกันพักหนึ่กว่าจะได้เดินออกไปเที่ยวชมเมืองกัน  ทันทีที่ข้ามถนนเข้าสู่เขตเมืองเก่า อาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมถึงถนนบ่งบอกได้ถึงความเก่าของเมืองเล็ก ๆ แ่ห่งนี้ … ใครชอบถ่ายภาพแนวสถาปัตยกรรมรับรองว่าไม่ผิดหวังกับเมืองนี้แน่ ๆ เพราะอาคารต่าง ๆ สวยคลาสสิคมาก  ความโดดเด่นอย่างหนึ่งคงเป็นหลังคาที่ใช้โทนสีส้มแดงกันทั้งเมืองทำให้ดูสวยงามกลมกลืนกันไปหมด

บรรยากาศยามเย็นระหว่างเดินเข้าเมือง

ตึกสวย ๆ ริมน้ำที่ไหลผ่านเมือง

จากปากทางเข้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงจัตุรัสกลางเมือง  ซึ่งรายล้อมด้วยอาคารยุคโบราณที่แม้จะมีการบูรณะและตกแต่งใหม่  แต่ก็ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้  … ปราสาทครุมลอฟ  ปราสาทใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศเช็กตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาห่างออกไปไม่ไกล  โดยมีหอคอยสีสันสวยงามอยู่เคียงคู่กัน … เราเดินพลางถ่ายรูปพลางไปตามถนนในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้   ซึ่งดูเหมือน  ทุกผนัง ทุกประตูจะดูสวยไปหมด  ยังดีที่บรรดานางแบบของผมยอมทำงานกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อิอิ

จากจัตตุรัสไปตัวปราสาทจะต้องข้ามสะพานซึ่งทอดตัวข้ามแม่น้ำที่โอบล้อมเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้เป็นรูปทรงเหมือนหยดน้ำ  ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นได้จาก Post card ของ Cesky Krumlov … และแน่นอนว่าผมกับเพื่อน ๆ จะต้องขึ้นไปชมภาพในมุมสูงของเมืองนี้แน่นอน  แต่คงต้องรอวันรุ่งขึ้นเพราะวันนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว และที่สำคัญหอคอยซึ่งเป็นจุดชมวิวก็ปิดทำการแล้ว

แม้เวลานี้ปราสาทจะปิดทำการแล้ว  แต่ยังสามารถเดินเข้าสู่จุดชมวิวของตัวปราสาทได้  ผมจึงถือโอกาสเดินเข้าไปถ่ายภาพกับแสงสวย ๆ ยามค่ำ ..  ในขณะที่เพื่อน ๆ ยังคงสนุกกับการเลือกซื้อของฝาก โดยเฉพาะคริสตัลซึ่งสวยงามไม่แพ้กับ Swarovski ที่ออสเตรีย  แถมหลายร้านยังเคลมว่าใช้ element ของ Swarovski ด้วย … อีกอย่างที่แทบทุกร้านมีขายคือพลอยแดงหรือโกเมนของโบฮีเมีย  ซึ่งเป็นสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองในแถบนี้

ช่วงเย็น หลาย ๆ ร้านปิดทำการแล้ว

ประตูทางเข้าเมืองอีกด้าน

ประตูด้านนี้ผู้คนน้อยกว่าอีกด้าน

บรรยากาศหอคอยหลังพระอาทิตย์ตก สามารถเข้ามาถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

บรรยากาศยามเย็นในเมืองและปราสาทช่วงค่ำ

ด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ๆ และมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่น้อยเลือกเมืองนี้เป็นหนึ่งใน list ของการท่องเที่ยวประเทศเช็ก  ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบ  ทั้ง ๆ ที่ทำงานอยู่ภาคใต้เหมือนกันแต่กลับมาเจอกันในอีกสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้ … ค่ำคืนนั้นก็เลยเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนาน  แถมด้วยการเปิดคลินิคเฉพาะกิจเพราะเพื่อนคนนี้เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อต่อ  บรรดาลูกทัวร์ของผมที่อายุย่างเข้าวัยที่กระดูกและข้อต่อเริ่มเสื่อมก็เลยปรึกษาคุณหมอเป็นการใหญ่ … ส่วนผมน่ะเหรอ  นั่งฟังอย่างเดียวไม่ยอมให้คุณตรวจให้เสียฟอร์มหรอก อิอิ

เช้าวันรุ่งขึ้น  เราทานอาหารเช้าของโรงแรม  ซึ่งหลากหลายและรสชาติดี  หากเพื่อน ๆ อยากได้ที่พักทำเลดี ๆ ห้องพักกว้างขวาง  ราคาไม่แพงก็ขอแนะนำที่นี่ครับ  เสียอยู่อย่างตรงการขนกระเป๋านี่อาจจะลำบากหน่อยเพราะไม่มีลิฟท์  โดยเฉพาะคนที่กระเป๋าเดินทางหนักมาก ๆ

โชคเข้าข้างพวกเราเพราะเช้านี้อากาศดีมาก  เราเดินไปถ่ายภาพไป  ซึ่งหลาย ๆ ภาพก็ถ่ายตรงจุดเดียวกับเมื่อวานเย็น  แต่ได้แสงคนละแบบเพราะช่วงเช้าการถ่ายภาพจากทางเข้าเมืองไปยังตัวปราสาทจะเป็นการถ่ายตามแสงทำให้ควบคุมแสงง่ายกว่าการถ่ายภาพช่วงบ่างซึ่งค่อนข้างจะย้อนแสง

บรรยากาศยามเช้าในเมือง

เรามุ่งหน้าสู่หอคอยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวปราสาท .. หลังจากเสียค่าธรรมเนียมเรียบร้อยก็ได้เวลาไต่ระดับความสูงขึ้นสู่ยอดหอคอย  หลาย ๆ คนที่กลัวความสูงอาจจะรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงได้เพราะนอกจากความสูงแล้ว  ทางขึ้นแคบ ๆ ก็ยิ่งทำให้มันดูน่ากลัวมากขึ้น … แต่ผมกับสาวแกร่งลูกทีมของผมไม่มีใครกลัวความสูงก็เลยเดินขึ้นกันอย่างไม่ยากเย็นนัก  จะมีก็อาการหอบนิดหน่อยของคนที่ไม่ออกกำลังกาย … เรียกได้ว่าต้อนขึ้นหอคอยง่ายกว่าต้อนออกจากร้านขายของฝากเยอะเลย หุหุ

แน่นอนว่าวิวบนหอคอยสวยงามมาก สามารถเดินไปรอบ ๆ เพื่อชมความงามได้ทั้ง 360 องศา … แม่น้ำที่ไหลโอบตัวเืมือง กับอาคารแบบเก่าหลังคาสีแดงสวยคลาสสิคมาก ๆ .. จะแอบหวั่นใจนิดหน่อยก็ตรงที่มองไปไกล ๆ เราเริ่มเห็นเค้าลางว่ามีเมฆฝนมาจากทางทิศตะวันออก  ตามที่มีพยากรณ์อากาศไว้เป๊ะ  ผมจึงไม่รีรอ รีบเก็บเกี่ยวภาพในยามที่ยังคงมีแสงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วิวสวย ๆ จากหอคอย

ลงจากหอคอยก็เป็นโปรแกรมเยี่ยมชมปราสาท  ซึ่งเราต้องเสียเวลากันเล็กน้อยเพราะทีแรกนึกว่าจุดซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทอยู่ด้านใน  แต่ที่จริงแล้วอยู่ตรงสำนักงานใกล้ ๆ ทางขึ้นหอคอยนั่นเอง  เหรัญญิกของพวกเราก็เลยต้องออกแรงเดินออกมาซื้ออีกรอบ .. จะว่าไปแล้ว signage ของที่นี่ยังไม่ดีเ่ท่าที่ควรครับทำให้นักท่องเที่ยวกระเหรี่ยงอย่างเราหาไม่เจอ  หรือว่าพวกเราตาถั่วก็ไม่รู้นะ อิอิ

ทัวร์ชมปรสาทจะมีด้วยกันสองแบบสองเส้นทางครับ  ซึ่งเราก็เลือกแบบที่เจ้าหน้าที่แนะนำครับ  เป็นการเข้าชมห้องต่าง ๆ ภายในตัวปราสาทของผู้ครองเมืองแห่งนี้  ซึ่งมีอยู่ด้วยการหลายยุคหลายสมัย  และก็เหมือนกับหลาย ๆ ปราสาทนั่นคือไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพหรือวิดีโอด้านใน

ผมขอเล่าคร่าว ๆ นะครับ  … ศิลปะและการตกแต่งด้านใน อันที่จริงต้องบอกว่าการตกแต่งโดยรวมของเมืองก็ว่าได้  เป็นการใช้สีวาดให้ดูมีมิติ  โดยเฉพาะที่ผนังนั้นเป็นผนังเรียบทำสีให้ดูนูนขึ้น  แม้แต่ภายในปราสาท  การตกแต่งก็ยังเป็นการใช้สีวาดแทนที่จะเป็นการประดับด้วยวัสดุประเภทโลหะเหมือนปราสาทในเมืองใหญ่เมืองอื่นของยุโรป  … ผมเข้าใจว่าคงเป็นเพราะงบประมาณที่จำกัดนั่นเอง เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ครองนครแต่ก็ไม่ได้เป็นเมืองที่ร่ำรวยเหมือนฝรั่งเศสหรืออิตาลี

เราได้เข้าชมทั้งในส่วนที่เป็นโบสถ์ในปราสาท, ห้องบรรทม, ห้องทานอาหาร ซึ่งแยกของแต่ละตระกูลออกจากกัน โดยศิลปก็จะแตกต่างกันไปตามยุคสมัยด้วย  ผมเองก็ยังงงว่าตอนที่ผู้ปกครองคนใหม่เข้ามาปกครอง  เขายังเก็บห้องของผู้ครองคนเดิมพร้อมข้าวของไว้ด้วยเหรอ ???? เรียกได้ว่าห้องใครห้องมันเลยล่ะ

นอกจากนี้ยังมีรถลากสีทองที่เคยใช้ร่วมงานฉลอง,  ห้องโถงใหญ่สำหรับเต้นรำ  ซึ่งผนังถูกเพ้นท์อย่างสวยงามอีกด้วย … โดยไกด์จะทำหน้าที่เล่าประวัติของปราสาทและประวัติของตระกูลต่าง ๆ ที่ปกครองเมือง Cesky Krumlov แห่งนี้   ทั้งนี้ยังแถมด้วยความเืชื่อเกี่ยวกับผี ๆ สาง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับคนในตระกูลเหล่านี้ด้วย .. ผมว่าน่าจะจัดเป็นทัวร์รอบกลางคืนมากกว่ารับรองได้ว่าเ้ข้ากับบรรยากาศเก่า ๆ ของปราสาทแห่งนี้เป็นยิ่งนัก เหอ ๆ

โดยสรุปแล้วห้องต่าง ๆ มีความสวยงามแต่ก็ไม่ได้ถึงกับวิจิตรปราณีตมากนัก  คงเพราะทรัพยากรที่จำกัดทั้งงบประมาณและช่างฝีมือนั่นเอง

โปรแกรมชมปราสาทใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้นลง  … เราเดินลอดอุโมงค์ใต้ตัวปราสาทเพื่อไปเก็บภาพจากจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งซึ่งอยู่ที่อีกปีกของตัวปราสาท ซึ่งมุมนี้เป็นอีกมุมหนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือน Cesky Krumlov .. อีกอย่างมุมนี้ไม่ต้องเสียเงินก็เดินเข้ามาได้เลยครับ  สามารถมองเห็นได้ทั้งตัวปราสาท (บางส่วน)  หอคอยและตัวเมือง Cesky Krumlov ที่ล้อมด้วยแม่น้ำสายหลักของเมือง งดงามมาก ๆ ทีเดียว

วิวสวย ๆ ที่ปีกอีกด้านหนึ่งของปราสาทที่เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกจุด

ถ่ายภาพกันพอหอมปากหอมคอ  ผมก็ปล่อยใ้ห้สาว ๆ ไปสอยเครื่องประดับและของฝากที่หมายตากันไว้ ส่วนผมก็เดินชมเมือง  เข้าซอกเล็กซอกน้อยเก็บภาพในมุมอื่น ๆ ของเมืองที่น่ารักแห่งนี้  โดยนัดทานมือเที่ยงกันที่ร้านอาหารของโรงแรมที่อยู่ตรงจัตตุรัสนั่นเอง

กลับมาถ่ายภาพหอคอยอีกครั้งในช่วงฟ้าสวย

จัตตุรัสกลางเมือง .. พวกเราทานอาหารเที่ยงกันที่โรงแรมบริเวณนี้

อาหารมื้อเที่ยงถูกสั่งมา 4-5 จานสำหรับ 8 คน … รสชาติก็ OK ครับ  ราคาก็ไม่ต่างจากร้านอาหารตามแหล่งท่องเที่ยวบ้านเรา … แต่ขอจานมาแบ่งอาหารนี่เขาไม่ให้นะครับ ประมาณว่าสั่ง 5 จานก็มีจานให้แค่นั้น เหอๆ แถมออกแนวดุ ๆ ซะด้วย

เสร็จจากมื้อเที่ยงก็ได้เวลาโบกมือลาเมือง Cesky Krumlov มุ่งสู่เมืองหลวงของประเทศเช็ก  นั่นคือปรากที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากไปนั่นเอง … ระยะทางจากที่นี่ไปก็ไม่ไำกลมากใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ  ซึ่งผมก็ให้เจ้า GPS นำทางเช่นเดิม …

ออกมากจาก Cesky Krumlov ได้ไม่นาน  สองข้างทางเริ่มปรากฎทุ่งเรฟซีดสีเหลืออร่ามสวยงาม … โชคดีที่พอมีที่จอดรถบริเวณไหล่ทาง  พวกเราก็เลยแวะถ่ายภาพกันอย่างสนุกสาน  ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อไปสู่เมืองปราก

ทุ่งดอกเรฟซีดสีเหลืองสดใส

อดไม่ได้ที่จะจอดรถลงไปถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน

ก่อนถึงเมืองปรากนั้นภาพของเมืองที่ปรากฎตรงหน้าทำให้ผมประหลาดใจเล็กน้อย  เพราะเต็มไปด้วยตึกรูปทรงเป็นแท่งสี่เหลี่ยม  ซึ่งผมไม่เคยเห็นจากภาพของปรากมาก่อน  ดูใน google map ก็ไม่เคยเห็น  หรือเรามาผิดเมืองหว่า… แต่ไม่นานก็เข้าใจว่าปรากส่วนที่เป็นเมืองเก่านั้นจะเรียกว่า Prague I ซึ่งห่างออกไปจึงเป็นส่วนของเมืองใหม่  ที่มีอาคารสูง ทั้งนี้ผมเข้าใจว่าคงเป็นโซนที่พักอาศัยของคนที่ทำงานในเขตเมืองเก่านั่นเอง

ปรากเป็นเมืองที่ผมทำการบ้านเรื่องแผนที่ในเมืองมากที่สุด เพราะทราบดีว่าถนนในเมืองนั้นมีตรอกซอกซอยเยอะ  และถนนสายหลักก็พันกันไปมายุ่งเหยิงไปหมด  ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการขับรถเที่ยว  ผมจึงต้องใช้ Google Street เช็คจนพอเห็นภาพของตัวเมืองและจุดท่องเที่ยวหลัก ๆ  ทำให้การหาโรงแรมของเราไม่ถึงกับยากเย็นนักแม้ว่าจะอยู่ในตรอกซอกซอยก็ตาม

ที่พักของเราวันนี้คือ  Happy Prague Apartment ครับ  ซึ่งอยู่ในทำเลที่ดี  ใกล้สะพานชาร์ลและย่านเมืองเก่ามาก  เดินไป 5 นาทีก็ถึง  … แต่ทว่าฟ้าวันนี้ดูหม่นหมองมาก ๆ เต็มไปด้วยเมฆฝน … แล้วโปรแกรมชมปรากของผมจะเป็นอย่างไร  ติดตามได้ตอนหน้าครับ

ส่งท้ายตอนนี้ด้วยความคิดเห็นต่อที่พักคืนนี้ของพวกเรา Happy Prague Apartment

ที่พัก Prague – Happy Prague Apartment  แม้ีที่นี่จะหายากหน่อย (เพราะเส้นทางใน prague นั้นมีซอกเล็กซอกน้อยเยอะมาก)  แต่ห้องที่เราได้นั้นคุ้มค่ากับราคามาก  เพราะกว้างขวาง  มีห้องนั่งเล่น, ครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน, internet WIFI และที่สำคัญอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่างสะพาน Charles และ Old town เพียงไม่กี่นาที  แต่ที่จอดรถต้องเสียเงินเพิ่ม 15 Euro แต่ก็ดีกว่าไปเช่าข้างนอกครับ   ข้อติอีกอย่างคือด้วยความที่เป็นตึกแบบเก่าทำให้ไม่มี lift ช่วยขนของไปยังที่พักชั้นบนๆ  ผมเองก็ต้องขนกระเป๋าขึ้นไปชั้น 4  หนักน่าดู  แต่พอเห็นห้องพักแบบ penthouse suite แล้วลืมข้อเสียนี้ไปเลย อิอิ


5 Comments

  1. LadyJane

    โอ้ว…….!! สูงเท่าเอว……!!

    แต่คาดว่าถ้าหนูเดินเข้าไปคงสูงมิดหัวพอดีเลยล่ะคะ T_T”’

  2. thitipong

    9MOT – อันที่จริงแต่ละฤดูกาลก็สวยแตกต่างกันไปนะครับ ช่วงเมษา-มิถุนาเป็นช่วงใบไม้ผลิ จะมีดอกไม้เยอะ ดูสดใส … หลังจากนั้นก็เป็นฤดูร้อน (ที่ไม่ร้อนเหมือนบ้านเรา) อากาศจะดีสุด ๆ … ส่วนประมาณตุลาก็เป็นฤดูใบไม้ร่วงสวยไปอีกแบบ จากนั้นฤดูหนาวก็จะตามมา แน่นอนว่าสำหรับคนไทยแล้วหิมะก็สวยงามไม่แพ้กัน แต่ถ้าอยากเจอเรฟซีดก็คงต้องใบไม้ผลินะครับ แต่คงลงไปกลิ้งไม่ได้นะเพราะต้นมันสูงเท่าเอว อิอิ

    ช่วงเมษา-มิถุนาเนี่ย เป็นช่วงที่เหมาะจะเที่ยวยุโรปที่สุดหรือเปล่าคะ สวยมากๆเลยค่ะ เห็นแล้วอยากจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งบนทุ่งเรฟซีดจริงๆ ฮ่าๆ

  3. LadyJane

    ช่วงเมษา-มิถุนาเนี่ย เป็นช่วงที่เหมาะจะเที่ยวยุโรปที่สุดหรือเปล่าคะ

    สวยมากๆเลยค่ะ เห็นแล้วอยากจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งบนทุ่งเรฟซีดจริงๆ ฮ่าๆ

  4. thitipong

    9MOT: ขอบคุณคร้าบ

    ยกนิ้วกดไล้ก์ให้หลายๆครั้งค่ะ ภาพใสแสงเคลียร์สุดๆ โชคดีที่ได้มาอ่านและดูภาพสวยๆแบบนี้

  5. Atipp

    ยกนิ้วกดไล้ก์ให้หลายๆครั้งค่ะ ภาพใสแสงเคลียร์สุดๆ โชคดีที่ได้มาอ่านและดูภาพสวยๆแบบนี้

Trackbacks/Pingbacks

  1. ลมหายใจแห่ง “ปราก” | Blog ท่องเที่ยว - ถ่ายภาพของ "นายมด" - [...] ความเดิมจากตอนที่แล้ว   เราได้ชมความสวยงามในแบบเมืองเล็กเสมือเทพนิยายของเมือง Cesky Krumlov ไปแล้ว … วันนี้เราได้เดินทางมาอีกถึงหนึ่งจุดหมายหลักของทริปนี้  ซึ่งเป็นเมืองที่หลายคนอยากมาเห็นกับตาสักครั้ง  รวมถึงเพื่อน ๆ ร่วมทริปยุโรปปีที่แล้วด้วย  เสียดายที่ตอนนั้นเมืองนี้อยู่นอกเส้นทาง  ผมจึงจำเป็นต้องตัดออกไป  แต่ในปีนี้เมืองใหญ่แห่งนี้ถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมอย่างชนิดที่ขาดไม่ได้  … ผมกำัลังพูดถึง “ปราก” เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก…