Select Page

The sound of music route ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ

ความเดิมจากตอนที่แล้ว “The Romantic Road & Hallstatt … a day is not enough” … เรายังคงขับบนเส้นทางสาย Romantic ต่อไปยังจุดหมายของเราวันนี้เมือง Salzburg เมืองที่มีจุดขายคือเป็นฉากถ่ายทำภาพยนต์อันโด่งดัง “The sound of music” … ระหว่างทางเพียงไม่กี่กิโลจาก Hallstatt ถึง Salzburg มีเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามหลายแห่ง และวันนี้เราเลือกที่จะแวะสองแห่ง ติดตามต่อได้เลยครับ

หลังจากขับรถจาก Hallstatt มาสักระยะ เราเลือกทำเลสวย ๆ บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าอันสวยงาม ทานข้าวเที่ยงกันแบบง่าย ๆ ริมถนน ช่างมีความสุขจริง ๆ อิอิ

ระหว่างทางไปยัง St. Wolfgang เส้นทางยังคงสวยงามไม่มีเบื่อ เราจึงเลือกทำเลทานข้าวกันริมถนนนี่เอง


หลังจากจัดการกับมื้อเที่ยงและช่วยลดน้ำหนักสัมภาระได้บางส่วนแล้ว ผมก็ขับรถต่อมุ่งหน้าสู่ St. Wolfgang เมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ ซึ่งจะว่าไปแล้วเส้นทางช่วงนี้ก็สวยงามไม่แพ้ช่วงก่อน ๆ นะครับ เพียงแต่วันนี้เมฆครึ้มก็เลยไม่ได้แวะถ่ายภาพกันจริงจังสักเท่าไหร่ จนมาถึง St. Wolfgang ราวบ่ายโมงเศษแดดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาทักทาย (ขัดใจช่างกล้องอย่างผมเป็นที่สุด ชิชิ) … ผมขับรถไปตามถนนเส้นเล็ก ๆ ที่นำเข้าสู่เมือง St. Wolfgang แต่ดูเหมือนการจอดรถในเมืองจะต้องเสียค่าจอด ผมก็เลยเลี้ยวกับแล้วพยายามหาถนนเส้นที่ขึ้นไปบนเนินเขาหลังเมือง เพราะเคยดูภาพแล้วมุมจากด้านบนสวยดี และก็ไม่ผิดหวังครับ เมื่อขึ้นมาบินเนินเขาตรงทางแยก information ของ St. Wolfgang ด้านบนจะสามารถมองเห็นวิวของ St. Wolfgang ที่มี foreground เป็นทุ่งหญ้าซึ่งกำลังออกดอกเต็มไปหมด สวยงามมาก

มุมสวย ๆ จากเนินเขาหลัง Information Center เสียดายที่อากาศไม่ดีภาพจึงไม่สวยเท่าที่ควร

พวกเราใช้เวลากดชัตเตอร์กันบริเวณนี้กันพอสมควรจึงโบกมือลา St. Wolfgang เพื่อไปยัง St. Gilgen ซึ่งตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบเดียวกัน .. St. Gilgen เป็นหมู่บ้านที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหมู่บ้านของ Mozart นักดนตรีชื่อดังของ Austria ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยแวะมาที่นี่เลย แต่ญาติของเขานั้นเกิดที่นี่ … นอกจากความสวยงามเช่นเดียวกับ St. Wolfgang แล้ว ที่นี่ยังมี Cable Car ที่จะนำขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อชมวิวของเมืองและทะเลสาบแบบชัด ๆ อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ฟ้าปิดมาก ๆ ผมดู TV วงจรปิดตรงสถานี Cable Car แล้วไม่คุ้มที่จะจ่ายเงินคนละเกือบพันขึ้นไปดูวิวที่ถูกบดบังด้วยเมฆหมอก เราจึงต้องลา St. Gilgen ไปด้วยภาพถ่ายเพียงไม่กี่รูป

ริมทางไปยัง St. Gilgen และกระเช้าขึ้นไปยังจุดชมวิว

จาก St. Gilgen ผมให้เจ้า GPS นำทางต่อสู่เมือง Salzburg ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ภูมิประเทศที่เงียบสงบ บ้านเรือนตั้งอยู่ห่าง ๆ กันเริ่มกลายเป็นเมืองมากขึ้น จะว่าไปแล้ว Salzburg พลุกพล่านกว่าที่ผมคิดไว้มาก (ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเมืองสงบ ๆ ซะอีก ทีไหนได้ดูวุ่นวายกว่า Vienna ซะอีก หุหุ) … GPS เจ้ากรรมพาเรามาถึงแม่น้ำใจกลางเมืองก็บอกว่าท่านถึงจุดหมายแล้ว เอาล่ะสิทำไงดี รถราเต็มไปหมด ถนนก็ตัดกันไปมาน่ากลัวเสียนี่กะไร กว่าจะใส่พิกัดที่พักให้เจ้า GPS คำนวณหาเส้นทางให้ก็เล่นเอาเหงื่อแตก เพราะเส้นทางแรกดันปิดถนนซ่อม เล่นเอาใจหายใจคว่ำเพราะยังไม่ค่อยชินกับการขับรถและสัญลักษณ์จราจรของที่นี่ …

ที่พักของเราวันนี้คือ Haus Ballwein ซึ่งอยู่ย่านชานเมืองใกล้สนามบิน เพียงไม่กี่กิโลเมตรจากตัวเมือง แต่บรรยากาศผิดกันโดยสิ้นเชิง เพราะที่นี่ดูเงียบสงบไม่พลุกพล่าน หลังบ้านมีสวนขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็น ภูเขาสูงใหญ่รอบเมือง Salzburg ได้อย่างเต็มตา จะว่าไปแล้วนับว่าเป็นที่พักที่ดีที่หนึ่งทีเดียว ทั้งนี้เราจะพักกันที่นี่สองคืน ก่อนที่จะนั่งรถไฟไปยัง Switzerland … ทันทีที่มาถึง คุณป้าเจ้าของบ้านก็เข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และพาเราเข้าไปชมห้องพัก พร้อมกับแนะนำเรื่องการทานอาหารเช้า

ห้องพักของผมเป็นห้องใต้หลังคาที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูดี มีหน้าต่างเปิดรับลมได้ (แต่คงไม่เปิดอ่ะครับ เพราะโค-ตะ-ระ หนาวเลย) ห้องน้ำก็ดูสะอาดสะอ้านดีครับ ทั้งนี้บ้านมี 3 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่าชั้นละ 2-3 ห้อง เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว เสียอย่างเดียวที่ไม่มีกาต้มน้ำร้อน ทำให้สองคืนที่เราพักที่นี่ไม่สามารถกินอาหารหรู ๆ จากเมืองไทยได้ อิอิ ต้องพึ่งร้านอาหารท้องถิ่นเท่านั้น

ห้องพักอันแสนสบายของเราใน Salzburg ที่เราจะพักกัน 2 คืน

ท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น ผมขับรถกลับเข้าเมืองหาที่จอดรถ แล้วฝ่าความหนาวมุ่งตรงไปย่านเมืองเก่า เพื่อชมอาคารและสถานที่สำคัญของ Salzburg .. ตลอดทางย่านเมืองเก่า นอกจากตึกเก่าทรงสูงและตรอกเล็ก ๆ ระหว่างตึกแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ขายของ brand name เครื่องประดับ และร้านอาหารสไตล์ยุโรป มี Mozart กับ The sound of music เป็นจุดขายอีกอย่าง ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะมีภาพ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับสองอย่างนี้โดยตลอด แต่ไม่ได้แอ้มเงินกะเหรียงอย่างพวกเราหรอก อิอิ

เราเดินผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งอยู่ย่านเดียวกันของฝั่งเมืองเก่านี้ อันได้แก่ ตลาดเก่า Alter Markt, จัตุรัส Residenzplatz, Domplatz, Franziskan แต่เสียดายที่ไม่ขึ้นป้อม Hohensalzburg เนื่องจากเรามาถึงในช่วงเย็น ทำให้รถรางปิดทำการไปแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมฝั่งเมืองเก่าของ Salzburg ในวันที่สภาพอากาศไม่ค่อยจะอำนวยกับการถ่ายภาพนัก

ระหว่างเดินกลับฝนก็ตกลงมาค่อนข้างหนัก เราต้องเดินฝ่าสายฝนเพื่อกลับไปยังรถ กะว่าจะหาร้านอาหารนั่งทานกันแบบอุ่น ๆ แต่ร้านที่นี่ก็ปิดเร็วซะเหลือเกิน จนในที่สุดเราต้องสั่ง pizza ริมทางกินกันอย่างน่าสงสาร แม้จะทานเสร็จแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตก ต้องเดินตากฝนไปจนถึงรถ เล่นเอาหนาวและเปียกปอนไปตาม ๆ กัน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้รุ่งขึ้นอากาศดี เพราะเป็นวันที่เราต้องมี day trip ไปชมทะเลสาบ Koenigsee ในเขตเมือง Berchtesgaden ประเทศเยอรมัน อีกหนึ่งแห่งที่ผมหวังเอาไว้มากว่าจะได้ภาพสวย ๆ … อากาศจะดีหรือไม่ติดตามตอนต่อไปนะครับ

ภาคพิเศษ เก็บตก Salzburg
เพื่อให้เนื้อหาและภาพถ่ายนั้นต่อเนื่องกัน ผมขอยกยอดภาพของ mirabell gardens ซึ่งเป็นสวนชื่อดังในเมือง Salzburg มาอยู่ท้ายตอนนี้ … ความจริงแล้วหลังจากวันแรกที่มาถึง Salzburg ในช่วงค่ำ ผมยังแวะเข้ามาเก็บภาพ mirabell gardens ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในเรื่อง The Sound of Music ถึงสองครั้ง คือเย็นวันที่เดินทางกลับจาก day trip ของเมือง Berchtesgaden และเช้าวันก่อนเดินทางจาก Salzburg ไปยัง Zurich แต่โชคไม่ดีเลยที่ทั้งสองครั้งมีฝนตก ทำให้เราสามารถเก็บบรรยากาศของสวนสวยแห่งนี้ได้เพียงเท่านี้ครับ

สวนสวยที่ Mirabell gardens


3 Comments

  1. เชี่ยวหลาน บ้านต้นไม้

    เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สวนดอกไม้สวย จริงๆๆ ครับ คุณมด เห็นแล้วอยากไป จัง

    9MOT : ใช่แล้วครับ ขนาดอากาศไม่ดียังสวยเลย

  2. เที่ยวเอง

    ถ่ายรูปได้สวยจังเลยคะ รอฟังริวิว Swiss อยู่ด้วยคนคะ

  3. meepooh

    ตามมาดูรูปต่อค่ะ รูปสวยขาดใจเหมือนเดิม
    รอดูรีวิวสวิสอยู่ค่ะ
    คราวที่แล้วตามไปเที่ยวนิวซีแลนด์ คราวนี้จะตามไปเที่ยวสวิส มั่งค่ะ

    9MOT : สวัสดีครับ รีวิว Swiss comming soon นะครับ