Select Page

Swiss ในฝันของผม

จากความเดิมตอนที่แล้ว เราใช้เวลาวันแรกใน Swiss อย่างสุดแสนคุ้มค่า (ไม่นับวันเดินทางมาถึง) และวันนี้ถือเป็นวันที่ผมลุ้นและรอคอยมาตลอดการวางแผนทริปนี้ วันที่ผมจะได้ไปเยือน Jungfrau และเดินชมวิวที่ Murren ถึง Gimmelwald

สวิส ฯ ในฝันหรือในจินตนาการของเพื่อน ๆ เป็นอย่างไรครับ สำหรับผมแล้วสวิส ฯ คือประเทศที่มีหมู่บ้านน่ารัก ๆ บนเขาสูง ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีอันแซมด้วยดอกเล็ก ๆ สีสันสดใส โอบล้อมด้วยภูเขาที่ยอดถูกปกคลุมด้วยหิมะ .. และวันนี้แหละครับ คือวันที่ผมจะได้เจอกับสิ่งที่ผมฝันไว้ซะที

ตลอดเวลาการวางแผนเที่ยวสวิสครั้งนี้ ผมค่อนข้างเตรียมใจเรื่องอากาศ เพราะไม่แน่ว่าในวันที่เราจะได้ขึ้นไปชมยอด Jungfrau อากาศจะดีหรือไม่ และแผนที่ผมวางไว้ก็สลับวันไม่ได้เลย หากอากาศไม่ดีก็ต้องงด Jungfrau และเปลี่ยนไปจุดหมายอื่นแทน รวมถึงเส้นทางชมธรรมชาติอันงดงามจาก Murren ถึง Gimmelwald ที่ได้รับการแนะนำโดยเพื่อน ๆ ใน pantip.com และ plan4swiss.com ซึ่งเป็นเส้นทางในฝันของผมที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง วันนี้เป็นวันที่ผมรอคอยอย่างแท้จริงว่าฝันของผมจะสมบูรณ์หรือไม่

ท้นทีที่ตื่นผมรีบเปิดหน้าต่างห้องพัก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง เพราะอากาศวันนี้สดใสมาก มากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ผมกับคณะทานอาหารเช้าของ Backpackers Villa Sonnenhof ที่เป็นแบบ buffet อย่างสบายใจ ก่อนที่จะเดินไปเริ่มต้นโปรแกรมของเราวันนี้ที่สถานี Interlaken OST

ตื่นเช้าก็ดูออกไปทางหน้าต่างห้องพักเลย แถมด้วยดูพยากรณ์อากาศในทีวี ทำให้ค่อนข้างชัวร์ว่าวันนี้อากาศดี หุหุ ระหว่างทางไปสถานีรถไฟก็ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ครับ

จากสถานี Interlaken OST ผมตั้งใจว่าจะไปต่อ Cable car (รถไต่ราง) ที่สถานี Lauterbrunnen ขึ้นไป Murren แล้วเดินลงมา Gimmelwald จากนั้นจึงนั่งกระเช้าไฟฟ้า และต่อรถบัสกลับมายังสถานี Lauterbrunnen เพื่อต่อไปยัง Jungfrau ตามที่ศึกษาอย่างดีจากคำแนะนำใน internet

Lauterbrunnen เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ที่น่าเดินเที่ยวอย่างมากหากมีเวลาเพียงพอ

แต่รถไต่รางเจ้ากรรมที่ Lauterbrunnen กลับปิดเพื่อซ่อมพอดีในช่วงที่ผมมาถึง ทำให้ต้องปรับโปรแกรมใหม่เป็นใช้บริการรสบัส+กระเช้าไฟฟ้าแทนทั้งในขาไปและกลับ ยังโชคดีที่เราไม่ตกรถบัสเพราะท่ารถบัสก็อยู่ตรงหน้าสถานีรถรางนั่นเอง อิอิ

รสบัสนำเรามายังสถานีรถกระเช้าไฟฟ้าที่เมือง Stechelberg ซึ่งทั้งสองช่วง Swiss Pass ยังใช้เบ่งขึ้นฟรีได้เหมือนเดิม เมื่อกระเช้านำเรามาถึง Gimmelwald เราต้องลงจากกระเช้าเพื่อไปต่อกระเช้าอีกตัวขึ้นไปยัง Murren ซึ่งวิวขณะนั่งกระเช้าสวยงามมาก ๆ ครับ สมกับที่ผมฝันไว้จริง ๆ และเมื่อมาถึงหมู่บ้าน Murren ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนหุบเขา ชัตเตอร์ของพวกเราก็รัวกันไม่หยุด ต่างคนต่างแยกย้ายถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนานจนพลัดหลงกันไปพักหนึ่งเพราะถ่ายภาพกันจนเพลิน

เส้นทางจาก Murren มา Gimmelwald เป็นเส้นทางลงเขาที่เดินง่าย ๆ แต่ต้องหยุดแทบจะทุกนาทีเพราะสองข้างทางนั้นสวยจนแทบอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ผมเองแทบไม่ได้นับว่าถ่ายภาพไปเท่าไหร่ รู้แต่ว่า memory 32 GB มาเต็มที่เส้นทางนี้นี่เอง

ไม่อยากเขียนบรรยายมากครับสำหรับการเดินทางตั้งแต่ช่วงนั่งกระเช้าไฟฟ้า ดูภาพกันให้จุใจดีกว่า

ด้วยความที่เพลิดเพลินกับความงามสองข้างทางมากไปหน่อย ทำให้เราคลาดจากกระเช้าที่ลงจาก Gimmelwald ไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็ดีเพราะทำให้เราได้นำอาหารเที่ยงที่ติดตัวมาทานกันท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามแบบนี้ในระหว่างรอกระเช้าไฟฟ้ารอบถัดไปที่จะมาในอีก 30 นาที เรียกได้ว่าเป็นมื้อสุดพิเศษทีเดียว

หลังจากกลับมาถึง Lauterbrunnen อีกครั้ง เราต้องไปติดต่อขอซื้อตั๋วขึ้น Jungfrau เพราะ Swiss pass ใช้ได้เป็นแค่ส่วนลดเท่านั้น โดยพวกเราจ่ายค่าเปิดหูเปิดตาไปคนละ 126 CHF (นี่ขนาดลดแล้วนะเนี่ย) แงๆๆ แพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ภูเก็ต-เชียงใหม่ของผมซะอีก แต่ทำไงได้ที่ภูเก็ตกับเชียงใหม่มันไม่มีหิมะนี่นา ทั้งนี้เราเลือกทางลงอีกด้านของ Jungfrau นั่นก็คือหมู่บ้าน Grildenwald เพื่อให้ได้วิวที่แตกต่างกันระหว่างขาขึ้นกับขาลงนั่นเอง

ระหว่างทางจากสถานี Lauterbrunnen รถไฟจะค่อย ๆ ไต่ระดับอย่างช้า ๆ ไปทีละสถานี ภูมิประเทศรอบด้านที่เป็นหมู่บ้านในหุบเขาค่อยเปลี่ยนไปเป็นต้นสน และเป็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในที่สุด เราต้องเปลี่ยนรถอีกครั้งตรงสถานี ซึ่งเป็นทางแยกขึ้น Jungfrau และทางลงเขาอีกด้านผ่าน Grindelwald

เราได้ชมวิวเมือง Lauterbrunnen อีกครั้งเมื่อรถไฟค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงผ่านสถานีต่าง ๆ และมาเปลี่ยนขบวนที่สถานี kleine scheidegg

จากสถานี kleine scheidegg ไปจะเป็นขบวนรถพิเศษสีแดงสดใส วิ่งผ่านอุโมงค์ที่ตัดผ่านภูเขา ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ และมีสถานีให้เราสามารถลงไปถ่ายภาพได้เป็นระยะ ทั้งนี้เพื่อให้เราค่อย ๆ ปรับตัวกับสภาพความสูงด้วย
เปลี่ยนรถไฟ เพื่อขึ้น Jungfrau เป็นขบวนสีแดงสดใส

Jungfrau วันนี้คลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยวมากมายหลายชาติ เราเริ่มด้วยกันเที่ยวชมอุโมงค์น้ำแข็ง ที่มีรูปสลักหลากหลายรูปแบบ ภายใต้อุณหภูมิเย็นยะเยือก แต่ผมว่าบางอันทำง่ายไปหน่อยโดยเฉพาะป้าย Jungfrau Top of Europe นี่มันไม่อลังการเลย เหมือนเอาสติกเกอร์ติดฟิวเจอร์บอดแล้วแช่แข็งอ่ะ แต่ก็เอาเถอะไหน ๆ มาถึงแล้วก็ต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหน่อย
อุโมงค์น้ำแข็ง

ออกจากอุโมงค์น้ำแข็งเราก็ออกมาเดินที่ลานปลาทู (Plateau) กันเลย โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้ฟ้าสดใส ไร้ที่ติ ตัดกับหิมะสีขาวงามอย่างบอกไม่ถูก สีสันเสื้อกันหนาวของนักท่องเที่ยวแต่ละกันก็แสนจะสดใสทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีก ขณะที่กำลังถ่ายภาพอยู่ก็มีเครื่องบินบินผ่านเหมือนจะกำลังบินโชว์ เพราะเป็นเครื่องที่ดูโบราณหน่อย ดีใจมากที่ถ่ายไว้ได้หลายภาพ หุหุ
ถ่ายภาพกันสนุกสนานท่ามกลางอากาศอันแจ่มใสที่ Plateau

ด้วยความที่อากาศหนาวมากจนเพื่อนบางส่วนอยู่บนลานไม่ไหวแล้ว เราจึงโบกมือลา Jungfrau แล้วเดินทางกลับสู่ Interlaken ผ่านเส้นทาง Grindelwald ซึ่งก็ได้ภาพบรรยากาศต่างไปอีกแบบ

รถไฟแล่นผ่านเมือง Grindelwald ช่วงเย็น

วันนี้เรากลับถึงที่พักเร็วกว่าปกติ จึงซื้อของสดที่ Coop ตรงสถานี Interlaken OST มาเสริมกับอาหารที่นำมาจากเมืองไทย ปรุงกันเองในห้องครัวของ Backpackers Villa Sonnenhof ซึ่งมีอุปกรณ์ทำครัวและทานอาหารค่อนข้างพร้อม … นับเป็นอีกหนึ่งมื้อแห่งความสุขก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอนหลับฝันดีภายใต้ผ้าห่มอันแสนอบอุ่นกับภาพความสวยประทับใจที่ได้พบมาตลอดวัน


2 Comments

  1. Pooh

    จากสถานี Interlaken OST กลับไปที่พัก Backpackers Villa Sonnenhof วิธีไหนคะ เดินไกลมากมั๊ยคะ หรือมีรถรับส่ง

    9MOT – ขอบคุณที่แวะเยี่ยม 9MOT.com นะครับ สำหรับการเดินจาก Interlaken OST ไป Backpackers Villa Sonnenhof ไม่ได้ไกลมาก เดินเรื่อย ๆ ชมวิวกับดอกไม้ในสวนไปด้วยน่าจะประมาณ 10-15 นาทีครับ อันที่จริงมีรถผ่านนะครับแต่ต้องรอนาน จำไม่ได้ว่าทุก 30 นาทีหรือ 1 ชม.ครับ พอไป c/I ทางโรงแรมจะให้บัตรสำหรับขึ้นรถนี้ฟรีด้วย

  2. แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด

    เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ผมอยากไปมากครับ

    9MOT : ขอให้ได้ไปสมปรารถนานะครับ