Select Page

ผลพลอยได้จากการถ่ายภาพแฟชันในงาน Passion for Fashion

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมรับหน้าที่เป็นช่างภาพจำเป็นให้กับโรงแรม อันดารา รีสอร์ทที่ผมทำงานอยู่  โดยเป็นงานเดินแฟชันการกุศลเพื่อหาทุนให้กับเด็กที่ขาดโอกาสด้านการเรียนภาษาอังกฤษ … งานดี ๆ เพื่อสังคมแบบนี้ มีรึที่ผมจะปฏิเสธ ยินดีช่วยอย่างยิ่ง ไม่ได้คิดเล้ยยย เรื่องที่จะได้ชมนางแบบงาม ๆ แบบใกล้ชิดน่ะ อิอิ …

ก็อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่านอกจากจะได้บุญและได้ใกล้ิชิดนางแบบน่ารัก ๆ แล้ว  งานนี้ผมได้ประสบการณ์ดี ๆ ด้านการถ่ายภาพอย่างน้อยสองเรื่องมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ครับ … งานนี้เดิมทีผมก็ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะถ่ายงาน event เป็นประจำอยู่แล้ว  จะมีเกร็งบ้างนิดหน่อยก็ตรงเห็นช่างภาพแต่ละคนขนกล้อง+เลนส์โปรมาเพียบเลย เราเลยต้องแอบ ๆ เขาหน่อย อิอิ

สำหรับการถ่ายภาพวันนี้ผมเลือกใช้โหมดวัดแสงที่คุ้นเคยคือแบบ A ซึ่งเป็นโหมดที่ผมเลือกรูรับแสงเองแล้วให้กล้องเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมให้  ทั้งนี้ผมเลือกใช้รูรับแสง f/7.1 เพื่อให้มีความชัดลึกเพียงพอ   สำหรับระบบ Focus ผมเลือกใช้แบบต่อเนื่อง 4.5 frame/sec เพราะนางแบบเดินค่อนข้างเร็วคงไม่สะดวกแน่หากใช้แบบธรรมดา  …  เมื่อนางแบบคนแรกในชุดสีทองเดินออกมา  ผมกดชัตเตอร์เป็นระยะ โดยความเร็วชัดเตอร์ที่กล้องเลือกให้คือ 1/640 sec  ซึ่งสูงพอสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวและเมือดู histogram พบว่า under นิดหน่อย  คงเป็นเพราะเสื้อสีทองทำให้ระบบวัดแสงมองว่ามีแสงเยอะนั่นเอง  … ยังไม่ทันคิดอะไรได้มากนัก นางแบบคนที่สองก็เดินออกมาอย่างรวดเร็วในชุดสีดำ  ผมยังคงลั่นชัตเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ได้ยินเสียงชัตเตอร์ทำงานช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เนื่องจากความเร็วชัตเตอร์ต่ำลงนั่นเอง  พอดูภาพที่จอ LCD ก็พบว่าภาพรับแสง Over และตัวแบบก็ไหวอยู่ในเกณฑ์ที่รับไม่ได้   พอดูความเร็วชัตเตอร์ก็พบว่าอยู่ที่ 1/100 sec ซึ่งต่างกับภาพชุดแรกประมาณ 2.5 stop และความเร็วก็ต่ำเกินกว่าที่จะใช้กับวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวแบบนี้  ทั้งนี้ก็เนื่องจากนางแบบสวมชุดสีดำซึ่งทำให้กล้องมองว่ามีแสงน้อยจึงต้องรับแสงนานขึ้นเพื่อมาชดเชยนั่นเอง   ความจริงเป็นแล้วภาพสองชุดนี้อยู่ในสภาพแสงเดียวกันแท้ ๆ  จึงควรจะได้ค่าของความเร็วชัตเตอร์ที่เท่ากัน  … ผมเห็นว่าขึืนใช้โหมดกึ่งอัตโนมัตแบบนี้มีหวังแย่แน่จึงรีบปรับไปใช้โหมดการวัดแสงแบบ M หรือปรับตั้งเองทั้งหมด  โดยเลือกรูรับแสงที่ f/8 ความเร็วชัตเตอร์ 1/400  ซึ่งจะรับแสงใกล้เคียงกับภาพแรก  ผลก็คือผมสามารถถ่ายภาพนางแบบคนต่อ ๆ มาไม่ว่าจะสวมชุดสีอะไรได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าแสงจะออกมา over หรือ under ตามที่กล้องประมวลให้อีกต่อไปเพราะได้ทำการ fix ค่าแสงไว้แล้ว  นับว่าเป็นการใช้ประโยชน์อีกด้านหนึ่งของโหมดแมนนวลซึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้   ลองดูภาพเปรียบเทียบดูนะครับจะเห็นได้ชัดว่าบางครั้งการใช้โหมด auto หรือกึ่ง auto ก็สร้างปัญหาได้เหมือนกันในบางสภาวะ  โดยเฉพาะสภาวะที่เร่งรีบที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนค่ารูรับแสงหรือความเร็วชัตเตอร์ได้ทันแบบนี้

ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ ตกอยู่ในสถานะการคล้าย ๆ กันคือสภาพแสงคงที่  แต่วัตถุในภาพมีการเปลี่ยนโทนสีไปเรื่อย ๆ ขอให้วัดแสงกรณีที่วัตถุเป็นสีกลาง (เทา,เขียว, ฟ้า เป็นต้น) แล้วเลือกใ้ช้ค่านั้นในโหมดแมนนวลจะทำให้ควบคุมกล้องได้สะดวกกว่าและได้แสงที่เที่ยงตรงกว่าด้วยครับ … แต่ถ้าไม่ได้เป็นงานที่รีบเร่งหรือต้องการความรวดเร็วก็ไม่จำเป็นนะครับ เพราะเรามีเวลาที่จะปรับแต่งค่าได้  แต่สำหรับงานถ่ายภาพแฟชันแบบนี้  ผ่านแล้วก็ผ่านเลยครับไม่สามารถแก้ไขได้  

อีกหนึ่งเรื่องกวนใจที่ผมเจอตอนถ่ายภาพก็คือการบันทึกภาพลงใน memory ของกล้องครับ   การ์ดใบแรกที่ผมใช้คือ SD class 6 ซึ่งมีความเร็วใสการบันทึกประมาณ 6 mb/sec ซึ่งก็เพียงพอในการถ่ายภาพแบบทั่ว ๆ ไป  แต่พอถ่ายภาพแบบต่อเนื่องโดยบันทึกภาพที่มีคุณภาพระดับ RAW + JPG ซึ่งขนาดไฟล์รวมกันประมาณ 13-14 MB  ทำให้ buffer ในกล้องเต็มอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถเขียนลงบน memory ได้ทัน   ทำให้ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เพียง 6-7 ภาพก็กดชัตเตอร์ไม่ลงซะแล้ว  ต้องรอจังหวะ 3-4 วินาทีกว่าจะกดได้ต่อ  ทำให้พลาดจังหวะสวย ๆ ไปหลายครั้ง   เท่านั้นไม่พอการ์ดใบที่สองที่ผมใช้เป็นแบบ SD class 4 ซึ่งมีความเร็วในการบันทึกเพียง 4 mb/sec  ยิ่งทำให้ผมถ่ายภาพได้เพียงครั้งละ 2-3 ภาพแล้วต้องชะลอการกด  เพื่อให้ memory ได้ทยอยบันทึกภาพลง card  ไม่กล้ากดต่อเนื่องเพราะต้องเผื่อ buffer ไว้ shot ที่นางแบบ pose ก่อนกลับตัวด้วย   ทำให้ผมเซ็งสุดชีวิตเพราะพลาดจังหวะดี ๆ ไปมากมายเลยครับ … ก่อนเขียนบทความนี้ก็ได้ลองพยายามหาข้อมูลใน internet ก็พบว่ามีปัจจัยอื่นด้วยที่ทำให้การบันทึกภาพช้าลงอาทิโหมดการ focus   แต่ผมไม่ยืนยันนะครับเพราะอ่านแบบผ่าน ๆ ไว้วันหลังถ้าศึกษาจนแน่ใจแล้วจะเอามาเขียนอีกครั้ง … แต่วันนี้สรุปได้เลยว่า เวลาซื้อ memory card ก็เลือกแบบที่เร็วที่สุดที่กล้องเรารับได้ไปเลยครับ  จะได้ไม่ต้องมาเซ็งแบบผม เพราะเดี๋ยวนี้การ์ดความเร็วสูงก็แพงกว่ากันแค่หลักร้อยเท่านั้นครับ  .. สำหรับความเร็วของการ์ด SD แต่ละ class หาข้อมูลได้ที่นี่ครับ

มาดูภาพบรรยากาศในงานดีกว่าครับ ..


4 Comments

  1. lovetwovillas

    ซวยเลย เพราะซื้อการ์ดมามีแต่เลข 4 ตอนแรกนึกว่ามันเป็นชื่อรุ่นไม่มีผลอะไร พึ่งรู้นะเนี่ย

    ไม่เคยถ่าย mode manual จะไปหัดดูนะค่ะ คุณมด

  2. OmmY

    ตามมาดูรูปคร่า นึกว่าจะได้ดูรูปนาย-นางแบบในชุดบีกินนี่ซะอีก..
    รอดูรูปเพิ่มค่พี่มด ^o^

  3. 9ra

    ความรู้แน่นครับ

  4. fonn

    informative มากๆ สมเป็นพี่มดเลยค่ะ (แต่คุณน้อง byte น้อย ram ต่ำ เข้าใจนิดเดียว) ต้องบอกว่าผิดหวังมากๆ ที่พี่มด post ตัวอย่างให้ดูจิ๊ดเดียวแถมนุ่งเยอะห่มมากอีก วัยรุ่นเซร็งนิดนุง .. 😛 (ล้อเล่นนะคะ)