Select Page

เส้นทางรับน้องที่ ขุนแม่ยะ กับซากุระที่หายไป

—————————————————————————————————————————————————- 

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความ 9 ตอนของทริป เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-เชียงราย
1. อรุณสวัสดิ์เชียงใหม่ – ไหว้พระวัดพระสิงห์
2. จากแม่ริม ถึงห้วยน้ำดัง
3.
เส้นทางรับน้องที่ ขุนแม่ยะ กับซากุระที่หายไป
4.
เก็บตกเมืองปาย
5.
ป่าสนวัดจันทร์ คำปลอบใจจากธรรมชาติ
6.
แม่ตะมาน รางวัลสำหรับนักเดินทางที่ไม่ยอมถอยหลัง
7.
“แม่สลอง” เมืองบนดอย
8.
“ดอยตุง” หุบเขาแห่งดอกไม้
9. ดอกเสี้ยวบานที่ภูชี้ฟ้า กับ ทิวลิปที่ผาหม่น

เดิมทีเป้าหมายของทริปนี้ซึ่งวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 50 คือชมดอกซากุระเมืองไทย (นางพญาเสือโคร่ง) ตามดอยต่าง ๆ ซึ่งจุดหมายแรกก็คือ ซากุระแห่งขุนแม่ยะนี่เอง  แต่ด้วยสภาพอากาศของปีนี้ที่หนาวเร็วกว่าปกติ  ทำให้ดอกซากุระบานก่อนปีที่แล้วราว 2 สัปดาห์ทำให้ความหวังของผมและผองเพื่อนที่จะเห็นดอกซากุระนั้นเหลือน้อยเต็มทีเพราะเรามาถึง ขุนแม่ยะในวันที่ 19 มกราคม 51 หลังจากวันที่ซากุระเริ่มบานกว่า 3 สัปดาห์  แต่ด้วยความมุ่งมั่นบวกกับความหวังลึก ๆ ผมเลือกที่จะไม่เปลี่ยนเป้าหมายวันนี้เราจึงเดินทางกันมาที่นี่เป็นแห่งแรก “ขุนแม่ยะ”
เลยจากปากทางเข้าห้วยน้ำดังมาเล็กน้อย ผ่านแนวสนข้างทางลาดยางอย่างดีราว 5 นาทีเราก็ถึงด่านตรวจ  ซึ่งเป็นแยกทางเข้าขุนแม่ยะพอดี  พลันที่รถเลี้ยวซ้ายจากถนนหลักสภาพถนนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า  ผมเปลี่ยนเกียร์รถจากขับเคลื่อน 2 ล้อเป็น 4 ล้อเพื่อเตรียมพร้อมการรับน้องเข้าสู่ขุนแม่ยะ
แม้ว่าระยะทางจากปากทางถึงขุนแม่ยะจะเพียง 8 กม.  แต่ผมต้องใช้เวลาขับบนเส้นทางอันทุรกันดารนี้ราวครึ่งชั่วโมง  เส้นทางมีทั้งขรุขระและลาดชัน  บางช่วงเป็นโค้งที่ลาดชันและมีถนนมีร่องลึก  ทำให้ต้องค่อยเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ แต่ด้วยสภาพรถที่มีสมรรถนะค่อนข้างดี  ทำให้มือใหม่หัดขับ 4 WD อย่างผมสามารถผ่านการรับน้องบนเส้นทางสายนี้ไปได้ไม่ยากนัก  แม้ว่าบางช่วงจะทำให้ผมต้องแอบคิ้วขมวดไม่ให้ผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดเห็นและพลอยวิตกกังวลไปด้วยก็ตาม … เมื่อใกล้ถึงหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะซึ่งเป็นที่พักของเราคืนนี้  เราก็เริ่มเห็นร่องรอยสีชมพูบนพื้นลูกรังเป็นระยะ  ยิ่งใกล้เข้าไปดูเหมือนผืนพรมสีชมพูนี้ก็จะหนาแน่นขึ้น  แต่ไม่ปรากฎดอกสีชมพูที่บานสพรั่งบนต้นให้เราเห็นแม้แต่น้อย     อาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าพร้อม ๆ กับความหวังของพวกเราที่ค่อย ๆ หมดไป   “พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ผมคิดในใจก่อนที่จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ซึ่งผมได้ขออนุญาตใช้บ้านพักสำหรับพวกเราคืนนี้  เนื่องจากเห็นว่าคงจะสะดวกกับผู้หญิงมากกว่าที่จะกางเต้นท์นอนกัน   เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยต้นน้ำขุนแม่ยะให้ความกรุณาพวกเราใช้บ้านพักของหัวหน้าหน่วยซึ่งมีภาระกิจในเมืองใช้เป็นที่พักผ่อนในคืนนี้  และให้ยืมครัวพร้อมแก็สเพื่อใช้หุงหาอาหารมื้อเย็นของเราในวันนี้   เทียนถูกจุดขึ้นมาเพื่อใช้แทนแสงไฟฟ้าซึ่งไม่มีให้ใช้  แต่ก็ทำให้เราได้ผ่อนคลายในบรรยากาศของธรรมชาติอย่างแท้จริงหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับงานอันรุมเร้ามาตลอดทั้งปี

บรรยากาศอาหารรับน้องมื้อแรกภายใต้บรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัว (เพราะไม่มีใครเขามาเที่ยวกันในช่วงนี้ หุหุ)

khun-mae-ya-01.jpg

บรรยากาศที่พักยามค่ำคืน  ภายใต้แสงพระจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงและดวงดาวนับร้อยที่หาดูไม่ได้ในเมืองใหญ่

khun-mae-ya-02.jpg
คืนนี้มีเพียงกลุ่มของเรากับกลุ่มของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มเท่านั้น  คืนนี้จึงเป็นคืนที่เงียบสงบและทำให้ผมหลับอย่างรวดเร็วหลังจากที่เหนื่อยจากการขับรถมาทั้งวัน
ผมตื่นเช้าขึ้นมาสูดหายใจลึก ๆ รับอากาศบริสุทธิ์เร็วกว่าวันทำงานปกติ  แต่ไม่รู้สึกเพลียแม้แต่น้อยเพราะได้หลับพักผ่อนเต็มที่อย่างอบอุ่นภายใต้ผ้าห่มผืนหนาแม้ว่าอากาศภายนอกจะค่อนข้างหนาวก็ตาม  … หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยผมก็เคลื่อนรถลงจากบ้านพักแล้วขึ้นไปยังลานกางเต้นท์ซึ่งเป็นจุดชมวิวดอกซากุระที่สวยที่สุด  และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้  วันนี้ต้นซากุระแทงช่อใบสีเขียวสดใส  แต่ไม่เหลือดอกซากุระบนต้นอีกต่อไป  มีเพียงกลีบดอกสีชมพูร่วงโรยเต็มผืนดิน  ทำให้อดจินตนาการไม่ได้ว่าในช่วงที่ดอกซากุระเต็มต้น  ขุนเขาแห่งนี้จะสวยงามปานใด

ซากุระที่ร่วงโรยกับร่องรอยที่เหลืออยู่

khun-mae-ya-04.jpg

khun-mae-ya-05.jpg

ต้นซากุระที่วันนี้ใบเขียวขจีแทบไม่มีดอกสีชมพูให้เห็นแล้ว

khun-mae-ya-03.jpg

พวกเราทานอาหารเช้ากันง่าย ๆ ด้วยขนมปังทาแยมท่ามกลางต้นซากุระเขียวขจี  และใช้เวลาถ่ายภาพกับแสงสวย ๆ ยามเช้ากันพักหนึ่งบริเวณลานกางเต้นท์  หลังจากนั้นจึงขับรถต่อขึ้นไปยังเรือนรับรองเพื่อชมวิวในมุมที่สูงขึ้น  ที่เรือนรับรองแห่งนี้มีซากุระ 2 ต้นที่ยังคงพอมีดอกเหลือให้ถ่ายภาพได้   แม้ว่าจะมีดอกไม่มากนักแต่ผมก็ถ่ายไปหลายรูปเพื่อชดเชยความผิดหวังในใจ  
แม้จะไม่ได้วิวสวย ๆ ของดอกซากุระแต่ที่หน้าเรือนรับรองมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ หลายมุมทีเดียว  อีกทั้งหุบเขาเบื้องล่างยังเป็นฉากหลังที่เยี่ยมยอดสำหรับการถ่ายภาพอีกด้วย   ผมจึงสนุกกับการถ่ายภาพเพื่อนๆ ในกลุ่มจนลืมความผิดหวังไปได้ชั่วขณะ …

บรรยากาศด้านหน้าเรือนพักรับรองแขก VIP ที่ยังคงมีซากุระหลงเหลืออยู่เล็กน้อย

 khun-mae-ya-06.jpg

khun-mae-ya-07.jpg

หลังจากใช้เวลาถ่ายภาพกันพักใหญ่ผมขับรถย้อนกลับมาที่บ้านพักเจ้าหน้าที่เพื่อขอบคุณที่อนุญาตให้เราใช้บ้านพักและมอบของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแดนใต้  พร้อมขออนุญาตไว้ล่วงหน้าว่าเราคงต้องรบกวนอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้เห็นดอยสีชมพูตามที่เคยฝันไว้


3 Comments

  1. arteh

    โอ้ว ผมไปปลายปีเลยคับ จะเจอมั้ยเนี่ย T.T

  2. champ

    น่าเสียดายนะ แต่ก็ดีไม่คนพลุกพล่าน

  3. วาสนา

    ไม่ต้องเสียใจนะน้องๆ… พี่ก้อผิดหวังมาเหมือนกัน เจ้าหน้าที่
    ตรงด่านตรวจก้อเตือนแล้วว่าโรยหมดแล้ว แต่อยากไปให้เห็นกับ
    ตา เจอแค่ดอกเดียวจริงๆๆ ยังแอบขอต้นซากุระมาปลูกเลย
    ตอนนี้สูงท่วมหัวเลย ไม่รู้ว่าจะมีดอกหรือเปล่า

    ยังมีอีกหนึ่งที่นะ อยู่เลยพระตำหนักภูพิงค์ขึ้นไปอีก เส้นทางไม่โหดมันฮาขนาดนี้หรอก ใช้เวลาขับจากตีนดอยไม่ถึงชั่วโมง
    สวยมั่กๆๆน่าจะอยู่ในความดูแลของคณะเกตร มช.
    สอบถามตำรวจที่พระตำหนักก็ได้
    จะบานช่วง กลางเดือนธค-ปีใหม่ อย่าพลาดอีกนะ